พิธีหลวง
เนื่องในวันเช่นนี้ ได้มีพิธีทำกันมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยดังปรากฏตามที่นางนพมาศกล่าวไว้ว่า "ครั้นถึงเดือน ๘ นักบวชบูชาใหญ่ การพระราชพิธีอาสธมาส พระวรบุตรพุทธชิโนรสในพระศาสนาจะจำพระพรรษา เป็นมหาสันนิบาตทุกพระอาราม ......สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสสั่งนายนักการ ให้จัดการตกแต่งเสนาสนะทุกอารามหลวง แล้วก็ทรงถวายบริขารสมณะ เป็นต้นว่า เตียง ตั้ง ที่นั่ง ที่นอน เสื่อสาดและสังฆทานและผ้าวัสสาวาสิกพัสตร์ ทั้งประทีปเทียนจำนำพรรษา บูชาพระบรมธาตุ พระพุทธปฏิมากร พระปริยัติธรรมสั้นไตรมาส ถวายเทียนชวาลาน้ำมันตามไส้ประทีปแก่พระภิกษุสงฆ์บรรดาจำพรรษาในพระอารามหลวงทั้งในกรุงนอกกรุงทั่วถึงกันตามลำดับ" ประเพณีนิยมอันนี้ก็ยังได้ปฏิบัติกันอยู่จนบัดนี้ เรียกว่าพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเข้าพรรษา มีพิธีดังนี้
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ พระมหากษัตริย์เสด็จมายังพระอุโบสถวัด พระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดเทียนพรรษาถวายพุ่มบูชาพระพุทธมหา- มณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระ- พุทธเล็กหล้านภาลัย แล้วทรงจุดรูปเทียนเครื่องนมัสการ และทรงประเคน พุ่มธูปเทียนแก่พระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์ อันมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน เสร็จแล้ว เสด็จออกจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปวัดบวรนิเวศวิหาร เข้า สู่พระอุโบสถ ทรงจุดเทียนพรรษาและธูปเทียนเครื่องราชสักการะ กับเครื่อง นมัสการ แล้วถวายพุ่มบูชาพระพุทธชินสีห์และที่พระบรมรูปสมเด็จพระมหา สมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรสและถวายพุ่มดอกไม้แต่สมเด็จพระสังฆราช แล้วเสด็จไปจุด เทียนพรรษา และบูชาปูชนียสถานในพระอารามนี้
วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศ์ เสด็จไปวัดพระเชตุพน ทรงจุดเทียนพรรษา ธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และเครื่องนมัสการ แล้วถวายพุ่มบูชาพระพุทธเทวปฏิมากรในพระอุโบสถ และทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป ณ ปูชนียสถานต่าง ๆ ถวายพุ่มบูชา พระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสที่ตำหนัก และ ถวายพุ่มต้นไม้แก่พระราชาคณะเจ้าอาวาส และในเวลาเดียวกัน ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศ์เสด็จไปวัดเบญจมบพิตร ทรงจุดเทียน พรรษาธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และเครื่องนมัสการ แล้วถวายพุ่มต้น ไม้แก่สมเด็จพระราชาคณะเจ้าอาวาส แล้วเสด็จไปทรงจุดเทียนบูชาตาม ปูชนียสถานในพระอารามนี้
อนึ่ง ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ แรม ๑ ค่ำ เวลาเช้ามีพระสงฆ์รับ อาหารบิณฑบาต ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังวันละ ๑๕๐ รูป ทั้ง ๓ วันตามประเพณี นอกจากนั้น ยังได้จัดให้มีการสวดมหาชาติ คำหลวงมีทำนองประกอบด้วยเม็ดพราย ซึ่งเป็นทำนองที่เกิดขึ้นจากพระราช ดำริของพระเจ้าทรงธรรม ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ แรม ๑ ค่ำ สวดที่ ใน พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และตามศาลารอบพระอุโบสถ ก็จัด ให้มีนักเรียนชายไปสวดคำฉันท์ตามหนังสือมูลบทบรรพกิจศาลาละ ๒ คน สวดเป็นทำนองผลัดเปลี่ยนกันไป นี้เป็นพิธีหลวง