ไหว้ผีปู่ย่าตายาย
เมื่อเสร็จพิธีรดน้ำ และเลี้ยงดูกันแล้ว บิดามารดาให้เชิญเจ้าบ่าวเข้าไปในเรือน บิดามารดาเจ้าสาวเอาผ้าขาว ๔ คอกปูลงกลางเรือนยกเตี๊ยกับขวดเหล้ามะพร้าวอ่อนกับผ้าไหว้ผีวางบนผ้าขาว เจ้าบ่าวจุดเทียนแฝดคู่ ธูปคู่ แล้วเฒ่าแก่นำเจ้าสาวมาไหว้ผีปู่ย่าตายายพร้อมกับเจ้าบ่าว เฒ่าแก่ให้เจ้าบ่าวยกมือขวาขึ้นข้างหนึ่ง เจ้าสาวยกมือซ้ายขึ้นข้างหนึ่ง ประนมประสานกราบลงพร้อมกัน ๓ ครั้ง แล้วเจ้าบ่าวออกมาไหว้บิดามารดาญาติเจ้าสาวตามที่ได้จัดผ้าไปนั้นเรียงไปโดยลำดับ บิดามารดาญาติฝ่ายหญิงที่รับไหว้ให้พรและให้เงินสิ่งของแก่เจ้าบ่าว แล้วจัดสิ่งของแถมพกเพื่อนเจ้าบ่าวตามสมควร เพื่อนเจ้าบ่าวพากันกลับไป
ผัวเมียที่จะสมควรเป็นผู้ปูที่นอนให้คู่บ่าวสาวนั้น ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเป็นต้นว่า
๑. อยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันมาตั้งแต่เป็นหนุ่มสาวจนแก่ด้วยกัน
๒. อยู่เป็นสุขมาด้วยกันมิได้แตกร้าวกัน
๓. มีหลักฐาน และมีบุตรธิดาสืบวงศ์ตระกูล
๔. เป็นผู้ตั้งอยู่ในศีลธรรม
ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายต้องปรึกษากัน หาคู่ผัวเมียผู้ทรงคุณสมบัติดังกล่าวมานั้นเป็นผู้ปูที่นอน เมื่อถึงเวลาที่จะเริ่มพิธี ผู้ที่ได้รับเชิญมา (มักเป็นผัว) ลุกขึ้นยืนร้องถามข้อความต่าง ๆ และมีคนคอยตอบ ข้อความที่ถามและตอบนั้นมีดังนี้
ถาม "ถึงกฤษดีหรือยัง?"
ตอบ "ถึงแล้ว"
ถาม "นายบุญมันมาแล้วหรือยัง?"
ตอบ "มาแล้ว"
ถาม "นายบุญคงเล่า มาแล้วหรือยัง?"
ตอบ "มาแล้ว"
แล้วถามถึงคนที่มีชื่อเป็นสวัสดิมงคลอย่างอื่นต่อไปอีกสัก ๓-๔ คน ผู้ตอบก็ตอบว่ามาแล้วทุกครั้งไป เมื่อถามตอบกันเสร็จแล้ว คู่ผัวเมียที่เชิญ มาก็หันหน้าชวนกันพูดว่า "ถึงฤกษ์ดีแล้ว ผู้จะมาช่วยอำนวยพรก็มาพร้อม กันแล้ว เรามาช่วยกันปูที่นอนให้เด็ก" แล้วคู่ผัวเมียก็ช่วยกันปูที่นอนจน เรียบร้อย แล้วขึ้นไปนั่งเคียงกันบนที่นอน หันหน้าไปทางหัวนอน ไหว้พระ สวดมนต์พร้อมกัน พอจบก็ลงนอนเคียงกันบนที่นอน ให้พรบ่าวสาวเป็น คำสนทนากันดังนี้
ผัว "ที่นอนน่านอน ใครนอนเห็นจะอยู่เย็นเป็นสุขสบาย อายุยืนนะ"
เมีย "สบายนักค่ะ ถ้าใครนอนที่นอนนี้คงจะเกิดทรัพย์สินมากมูลพูนเขา มีลูกเต้าน่ารักน่าชม"
ให้พรทำนองนี้อีกหลายอย่าง สุดแต่จะคิดให้ เมื่อจบให้พรแล้วนอน หลับตานิ่ง เหมือนดังหลับอยู่ สักครู่หนึ่งจึงลุกลงจากเตียงเป็นเสร็จพิธี แล้วเอาถั่วงามาโปรยให้พูนดิน ถ้าถั่วงางอกงามก็เป็นที่ยินดี คืนวันนั้นมี มโหรีกล่อมหอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว