นำศพออกจากบ้าน
เมื่อจะยกศพลงจากเรือนนำไปวัด มีวิธีปฏิบัติดังนี้ คือ
ก. ไม่หามศพลอดขื่อ แต่ก่อนมาถือกันว่าเมื่อผู้ป่วยได้นอนตายอยู่ ในห้องใด ก็ตั้งศพบำเพ็ญกุศลในห้องนั้นตลอดไป ไม่ย้ายศพจากห้องที่ตาย ไปไว้ในห้องอื่นเหมือนอย่างที่ทำกันในปัจจุบันนี้ และเมื่อยกออกจากห้อง ไปก็ไม่หามลอดขื่อไปออกทางประตูอีกห้องหนึ่ง บางบ้านที่เป็นเรือนฝา กระดานลูกปะกน ถึงกับต้องเบิกฝาออกกระแบะหนึ่งเพื่อยกศพออกทางนั้นมา หาระเบียงหามลงนอกชาน แล้วลงบันไดเรือนไป ทั้งนี้เห็นจะเป็นขื่อเตี้ย เกรงว่าเมื่อหามศพลอดมา ศีรษะผู้ยกหีบศพอาจจะไปโดยเอาชื่อเข้า เขาจึงห้าม
ข. การชักฟากสามซี่ตีหม้อน้ำสามใบ เมื่อยกศพออกจากเรือนต้อง ชักฟากออก ๓ ซี่ ตีหม้อน้ำ ๓ ใบ ข้อนี้เป็นปริศนาธรรม ฟากสามซี่ได้แก่ ภพสาม คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑ หม้อน้ำ ๓ ใบนั้น ได้แก่วัย ทั้งสาม คือ ปฐมวัย ๑ มัชฌิมวัย ๑ ปัจฉิมวัย ๑ เหตุด้วยสัตว์ที่เกิดมาจะต้อง แตกทำลายไปในวัยทั้งสามในวัยใดวัยหนึ่งจะยืนยงคงอยู่ต่อไปหาได้ ไม่
ค. ประตูป่า ก่อนจะนำศพออกจากบ้านต้องทำประตูป่า คือเอา กิ่งไม้สองกิ่งมาปักไว้บนประตูที่จะนำศพออก ผูกปลายจดกัน เมื่อยกศพออก ไปแล้ว ก็ถอนกิ่งไม้ทั้งสองเสีย การที่ทำเช่นนี้ เพื่อจะป้องกันไม่ให้ผีกลับมา เรือนได้อีก เพราะเมื่อผีออกไปพ้นประตูป่าแล้ว เขาก็ถอนกิ่งไม้นั้นทั้งสองเสีย เมื่อผีกลับมาหาที่สังเกตไม่ได้ก็จะหลงทางเลยไปที่อื่น อีกนัยหนึ่งกล่าวเป็น ปริศนาธรรมว่า ประตูป่าช้าใครไปแล้วไม่ได้กลับมาเห็นญาติมิตรอีกต่อไป ควรเป็นที่ปลงธรรมสังเวชยิ่งนัก
ง. ซัดข้าวสาร ขณะศพเคลื่อนออกจากบ้าน ต้องซัดข้าวสารบางที ก็ซัดเกลือด้วย เวลาซัดเสกคาถาว่า คจุณ อมุมฺหิ พุทธปัต ทั้งนี้เพื่อให้ ศพไปผุดไปเกิด จะได้ไม่มารบกวนคนในบ้านต่อไป
จ. ไม้ขีดทางที่ไป เห็นจะทำเป็นเครื่องหมายให้คนที่จะตามไปภาย หลังได้สังเกตและตามไปหาที่ไว้ศพถูก
ฉ. ห้ามไม่ให้หามข้ามนาข้ามสวน การห้ามข้อนี้ไม่เกี่ยวกับลัทธิ หรือศาสนาเลย แต่ห้ามก็โดยเจ้าของนาหรือสวนรังเกียจในการที่นำศพผ่าน เข้าไปในเขตที่ดินของเขา หรืออีกอย่างหนึ่งเกรงว่าจะไปเหยียบต้นข้าวและ ต้นไม้ของเขาตาย ครั้นนานเข้าผู้ที่ไม่ทราบความหมาย ก็เลยถือเป็น ประเพณีกันต่อ ๆ มา และเห็นว่าศพนั้นเป็นอัปมงคลเมื่อผ่านเข้าไปในที่ดิน ของคน ที่ดินนั้นจะพลอยเป็นอัปมงคลไปด้วย