การศึกษาปริมาณการใช้น้าของข้าวสายพันธุ์ต่างๆที่นิยมปลูกในจังหวัดสุพรรณบุรี
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
อชิรญา จันทร์ขำ, ภัทรภร สีหะอำไพ, ธนาภรณ์ แย้มเกษร
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
นริศตา ด้วงต้อย, มานัส ทิพย์สัมฤทธิ์กุล
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
การศึกษาปริมาณการใช้น้ำของข้าวสายพันธุ์ที่นิยมปลูกในจังหวัดสุพรรณบุรี มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ศึกษาปัจจัยธรรมชาติที่มีผลต่อการระเหยของน้ำ ศึกษาการคายระเหยน้ำของข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ ศึกษาการคายน้ำของข้าวสายพันธุ์ต่างๆ และศึกษาปริมาณการใช้น้ำของข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ โดยแบ่งการทดลองเป็น 4 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ศึกษาปัจจัยธรรมชาติที่มีผลต่อการระเหยของน้ำ พบว่า สภาพปัจจัยธรรมชาติมีผลต่อการระเหยของน้ำ เนื่องจากระดับน้ำที่ลดลงนั้นมีความสัมพันธ์กับปัจจัยในด้านต่าง ๆ ทั้ง อุณหภูมิน้ำ, อุณหภูมิอากาศ, ความเร็วลม, ความชื้นสัมพัทธ์, และความยาวนานแสงแดด ตอนที่ 2 ศึกษาการคายระเหยน้ำของข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ พบว่า การคายระเหยน้ำของข้าวสายพันธุ์ต่างๆ มีความแตกต่างกัน โดยข้าวสายพันธุ์ที่มีค่าการคายระเหยน้ำมากที่สุดคือ ปทุมธานี 1 รองลงมาคือ กข 47 และน้อยที่สุด คือ กข 41 ตอนที่ 3 ศึกษาการคายน้ำของข้าวสายพันธุ์ต่างๆ พบว่า การคายน้ำของข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน โดยข้าวสายพันธุ์ ที่มีค่าการคายน้ำมากที่สุดคือ ปทุมธานี 1 รองลงมาคือ กข 47 และน้อยที่สุด คือ กข 41 ตอนที่ 4 ศึกษาปริมาณการใช้น้ำของข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ พบว่า ปริมาณการใช้น้ำของข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน โดยข้าวสายพันธุ์ ที่มีปริมาณการใช้น้ำมากที่สุดคือ ปทุมธานี 1 รองลงมาคือ กข 47 และน้อยที่สุด คือ กข 41ซึ่งจากการสังเกตการเจริญเติบโตพบว่าข้าวสายพันธุ์ปทุมธานี 1 มีการแตกกอดีกว่า ข้าว กข 41 และ กข 47 จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีปริมาณการใช้น้ำที่มากกว่า ทั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการแตกกอ จำนวนเมล็ดต่อรวง การชอบและไม่ชอบน้ำของข้าว โดยข้าวสายพันธุ์ กข 41 และสายพันธุ์ กข 47 จะเป็นข้าวที่มีลักษณะ ทนแล้ง ไม่ชอบน้ำ จึงมีปริมาณการใช้น้ำที่น้อยกว่าปทุมธานี1