แผ่นยางปูพื้นจากน้ำยางพารา โดยใช้สารตัวเติมจากธรรมชาติ

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

เกวลิน ตรีสุข, รวิสรา ภิญโญวัฒนาพร

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์

นาถรภี ชูอ่อน

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ตรัง

ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

พ.ศ. 2561

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการยืดหยุ่นและทนต่อแรงฉีกขาดของแผ่นปูพื้

นจากยางพาราที่มีสารตัวเติมจากธรรมชาติ ได้แก่ เปลือกไข่ ชานอ้อยและกากมะพร้าว

โดยใช้สูตรในการทำแผ่นยางปูพื้นจากน้ำยางพารา 2 สูตร ได้แก่ สูตรกน้ากากยางและสูตรฟองน้ำ

จะได้แผ่นปูพื้นยางทั้งหมด 8 แผ่น โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้ แผ่นยางที่ทำด้วยสูตรหน้ากากยาง 4 แผ่น ได้แก่

แผ่นยางปกติ แผ่นยางที่มีสารตัวเติมเป็นเปลือกไข่ แผ่นยางที่มีสารตัวเติมเป็นชานอ้อย

และแผ่นยางที่มีสารตัวเติมเป็นกากมะพร้าว ตามลำดับ และแผ่นยางที่ทำด้วยสูตรฟองน้ำ 4 แผ่น ได้แก่

แผ่นยางปกติ แผ่นยางที่มีสารตัวเติมเป็นเปลือกไข่ แผ่นยางที่มีสารตัวเติมเป็นชานอ้อย

และแผ่นยางที่มีสารตัวเติมเป็นกากมะพร้าว ตามลำดับ ซึ่งแบ่งการทดลองออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้ ตอนที่ 1

ศึกษาค่าแรงดึงสูงสุดที่แผ่นปูพื้นจากน้ำยางพาราสามารถทนได้ก่อนเกิดการฉีกขาด

โดยพบว่าแผ่นปูพื้นจากน้ำยางพารา สูตรหน้ากากยาง ที่มีชานอ้อยเป็นสารตัวเติม

มีความทนทานต่อแรงดึงมากที่สุดก่อนเกิดการฉีกขาด โดยใช้แรงในการดึง คือ 53.37±0.04 นิวตัน โดยเฉลี่ย

และตอนที่ 2 ศึกษาค่าแรงกดสูงสุดที่แผ่นปูพื้นจากน้ำยางพาราสามารถทนได้ก่อนเกิดการฉีกขาด

โดยพบว่าแผ่นปูพื้นจากน้ำยางพารา สูตรที่มีชานอ้อยเป็นสารตัวเติม

มีความทนทานและยืดหยุ่นต่อแรงกดทับมากที่สุดก่อนเกิดการฉีกขาด โดยใช้แรงในกดการทับ คือ

54.09±0.04 นิวตัน โดยเฉลี่ย

และการทำแผ่นยางปูพื้นจากน้ำยางพาราโดยมีสารตัวเติมจากธรรมชาติสามารถลดต้นทุนในการผลิตลงจาก

แผ่นยางปูพื้นที่มีสารตัวเติมเป็นแคมเซียมคาร์บอเนตได้ เนื่องจากเปลือกไข่ ชานอ้อย

และกากมะพร้าวสามารถหาได้ทั่วไป ในขณะที่แคลเซียมคาร์บอเนตมีราคาที่ 4 บาทต่อกรัม