สารสกัดแทนนินจากเปลือกมังคุดในการสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ เพื่อใช้ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย P. palmivora ในต้นทุเรียน

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

สุธินันท์ โพธิ์เหมือน, ยุติพงษ์ คำมอน

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์

วัชราภรณ์ แสนนา, ชยรพ คงดี

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย บุรีรัมย์

ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

พ.ศ. 2565

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

ในการศึกษาสารสกัดแทนนินจากเปลือกมังคุด ในการสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ เพื่อใช้ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์จากสารแทนนิน ทดสอบประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora ด้วยอนุภาคนาโนชิงค์ และพัฒนาเจลยับยั้งเชื้อรา P. palmivora ที่มีส่วนผสมของอนุภาคนาโนซิงค์ โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้ ศึกษาประสิทธิภาพของตัวทำละลายในการสกัดสารจากเปลือกมังคุด โดยใช้อัตราส่วนผงมังคุด (กรัม) : ตัวทำละลาย (มิลลิลิตร) เท่ากับ 3 : 10 หมักเป็นเวลา 7 วัน จากนั้นเลือกตัวทำละลายที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดมาใช้ในการหมักผงเปลือกมังคุด ระเหยตัวทำละลายออกแล้วทำให้เป็นผงแห้ง จากนั้นนำสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่ได้มาวิเคราะห์หาสารสกัดแทนนินด้วยเทคนิค UV-VIS Spectroscopy ที่มีความยาวคลื่น 760 นาโนเมตร เปรียบเทียบกับกราฟมาตรฐานกรดแทนนิก ทำการศึกษาวิธีการหาสภาวะที่เหมาะสมในการสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ โดยการให้ความร้อนด้วยไมโครเวฟ โดยนำมาแสกนความยาวคลื่นที่ 200-800 นาโนเมตร และค่าดูดกลืนแสงเพื่อหาความยาวคลื่นที่สามารถดูดกลืนแสงได้มากที่สุด จากนั้นนำสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่ได้มาสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ โดยใช้สภาวะที่ดีที่สุด และศึกษาประสิทธิภาพของอนุภาคนาโนซิงค์ จากสารสกัดเปลือกมังคุดในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora ด้วยเทคนิค Poison food technique โดยวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเชื้อรา จากนั้นบันทึกค่าที่ได้ และเปรียบเทียบกับชุดควบคุม และพัฒนาเจลที่มีส่วนผสมของอนุภาคนาโนซิงค์ นำไปทดสอบการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora

จากผลการทดลองพบว่า ตัวทำละลายที่มีประสิทธิภาพสกัดสารจากเปลือกมังคุด เมื่อวัดค่าการดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่น 343 นาโนเมต ได้ปริมาณสารแทนนินมากที่สุด คือ เอทานอล น้ำกลั่น และอะซิโตน มีปริมาณสารแทนนินเท่ากับ 459.348, 322.260 และ 124.734 mg/L ตามลำดับ จึงสรุปได้ว่าสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่ได้มีสารแทนนินเป็นองค์ประกอบอยู่ และเมื่อทำการศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ด้วยสารสกัดจากเปลือกมังคุด พบว่าในการให้ความร้อนด้วยเครื่องไมโครเวฟ ที่เวลา 180 วินาที กำลังไฟ 560 วัตต์ คือสภาวะที่ดีที่สุด และเมื่อทำการพิสูจน์อนุภาคนาโนพบว่า เมื่อนำสารสกัดจากจากเปลือกมังคุดมาสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ มาทดสอบด้วยเลเซอร์ผ่านสารละลาย จะแสดงว่าเป็นสารละลายคอลลอยด์ลำแสงเลเซอร์สามารถผ่านได้ สรุปได้ว่าสามารถนำสารสกัดจากเปลือกมังคุดมาสังเคราะห์อนุภาคนาโนซิงค์ได้ และเมื่อนำอนุภาคนาโนซิงค์ความเข้ม 0.3 M ที่ได้มาใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora พบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตได้ โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 24.8 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับชุดควบคุม และยา Fosetyl-aluminium การทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora บริเวณที่ไม่ได้ป้ายเจลที่มีส่วนผสมอนุภาคนาโนซิงค์มีลักษณะใบเหลืองซีด และบริเวณขอบแผลมีรอยไหม้ บริเวณที่ป้ายเจลที่มีส่วนผสมอนุภาคนาโนซิงค์มีลักษณะใบเขียว และบริเวณขอบแผลไม่มีรอยไหม้ แสดงให้เห็นว่าเจลอนุภาคนาโนซิงค์จากสารสกัดจากเปลือกมังคุด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา P. palmivora การพัฒนาโครงงานในครั้งนี้ส่งผลให้สามารถช่วยลดการใช้สารเคมีในปริมาณมากในการยับยั้งโรค อีกทั้งยังทำให้เสียสมดุลธรรมชาติทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ตัวอื่นๆตายไปด้วย จะช่วยรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพ และยืดอายุต้นทุเรียนในการให้ผลผลิตแก่เกษตรกร อีกทั้งสามารถนำสารสกัดจากเปลือกมังคุดไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งในด้านอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และทางด้านการแพทย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่ม มูลค่าให้พืชในท้องถิ่น และนำสมุนไพรไทยมาเป็นทางเลือกในอุตสาหกรรมต่อไป