การศึกษาประสิทธิภาพสารเคลือบเงาไม้ของน้ำมันเปลือกส้มต่อสารสกัดแทนนินจากเปลือกเงาะในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

รัตนาวดี ได้ไซร้, อารยา ทองเต็ม

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์

ธณิดา วงค์พุฒ

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย บุรีรัมย์

ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

พ.ศ. 2561

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

เฟอร์นิเจอร์ที่ประกอบจากไม้ตามบ้านเรือนส่วนใหญ่มักจะมีเชื้อราขึ้น รวมถึงในหอพักภายในโรงเรียน ไม้อัดที่ใช้ในการประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์อย่างเช่นเตียงนอน ก็กำลังประสบปัญหาในเรื่องของเชื้อรา ที่เกิดจากความชื้นภายในห้อง เนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท จึงจำเป็นจะต้องเคลือบเงาไม้เพื่อความสวยงามและตรงตามวัตถุประสงค์การผลิต ซึ่งได้มีการใช้เชลแล็ก แต่เชลแล็กมีลักษณะเป็นเม็ดเละเป็นเกล็ดที่ต้องนำไปแช่ในเมทิลแอลกอฮอล์ และมีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น นอกจากเชลแล็กก็ยังมีการใช้แล็กเกอร์ ที่ให้ความสวยงาม ทนน้ำ บางชนิดสามารถกันแมลงและเชื้อราได้ แต่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก และมีกลิ่นฉุน ซึ่งส่วนประกอบในสารเคลือบเงาไม้ ประเภทแล็กเกอร์ ทินเนอร์ ต่างก็มีส่วนผสม เช่น คีโตน (Ketone) 18% แอลกอฮอล์ (Alcohol) 8% อีเทอร์ (Ester) 3% สารไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) 71% เช่น ไซลีน โทลูอีน เป็นต้น ซึ่งตามมาตรฐาน มอก. กำหนดส่วนผสม ไซลีนหรือโทลูอีน ต้องไม่เกินร้อยละ 60 เอสเทอร์ และคีโตน รวมกันไม่น้อยร้อยละ 30 และแอลกอฮอล์ ไม่เกินร้อยละ 10

ดังนั้นผู้จัดทำจึงสนใจในการทำผลิตภัณฑ์สารเคลือบเงาไม้จากธรรมชาติ โดยใช้เปลือกส้มและเปลือกเงาะในการทำ ซึ่งส้มและเงาะเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ทั่วไปในประเทศไทย และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์หลายด้าน ปัจจุบันเปลือกส้มยังคงเป็นของเสีย ไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ทางคณะผู้จัดทำพบว่าน้ำมันจากเปลือกส้มเขียวหวาน มีส่วนประกอบของ ลิโมนีนและพอลิสไตรีน ซึ่งลิโมนีนเป็นส่วนประกอบของส้ม ที่ไม่มีกลิ่นฉุนที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงคิดว่าหากนำน้ำมันเปลือกส้มมาใช้แทนสารเคลือบเงาไม้ ประเภทแล็กเกอร์ และทินเนอร์ จะทำให้ลดปริมาณสารเคมีที่ใช้ไปได้ ทั้งยังช่วยลดปริมาณโฟมพอลิสไตรีน เนื่องจากก่อนที่จะผลิตสารเคลือบเงาไม้จากน้ำมันเปลือกส้มได้จะต้องมีการละลายโฟมเพื่อให้ได้สารเคลือบไม้ จึงสามารถใช้น้ำมันเปลือกส้มที่ได้มาใช้ละลายโฟมเพื่อลดปริมาณโฟมพอลิสไตรีน ส่วนผลของเงาะนั้นมีสารแทนนิน มีคุณสมบัติเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อและสามารถฆ่าปรสิตได้

ผู้จัดทำจึงมีความสนใจที่จะนำน้ำมันจากเปลือกส้มและสารแทนนินที่สกัดจากเปลือกเงาะมาทำเป็นสารเคลือบเงาไม้ โดยจะทำการศึกษาประสิทธิภาพของสารเคลือบเงาไม้จากน้ำมันเปลือกส้มเขียวหวานต่อสารสกัดจากเปลือกเงาะในอัตราส่วนที่ต่างกันเพื่อหาประสิทธิภาพของสารเคลือบเงาไม้