การศึกษาสมบัติการต้านเชื้อจุลินทรีย์และความคงตัวของสารแอนโทไซยานินด้วยกระบวนการเอนแคปซูเลชันสีผสมอาหารที่สกัดได้จากเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุดด้วยเส้นใยจากหัวบีทรูท

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

อมรชัย แก้วบางทราย

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์

อรพรรณ พยัฆกุล

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนเซนต์นิโกลาส

ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

พ.ศ. 2562

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

การศึกษาสมบัติการต้านเชื้อจุลินทรีย์และความคงตัวของสารแอนโทไซยานินด้วยกระบวนการเอนแคปซูเลชันสีผสมอาหารที่สกัดได้จากเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุดด้วยเส้นใยจากหัวบีทรูทโดยศึกษาปริมาณสารแอนโทไซยานินและบีตาไซยานินในเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุด เริ่มจากนำเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุดมาบดสับแล้วผสมกับน้ำแล้วนำมาแยกกากด้วยเครื่องปั่นเหวี่ยงจากนั้นทำการตรวจสอบปริมาณแอนโทไซยานินด้วยเครื่องสเปกโตรโฟร์โตและบีตาไซยานินด้วยเครื่องUV-vis Spectrophotometerในเปลือกทั้ง2ชนิด ศึกษาสภาวะความเป็นกรด-ด่าง อุณหภูมิ และระยะเวลาที่ใช้ในการสกัดสารแอนโทไซยานินและสารบีตาไซยานินจากเปลือกมังคุดและเปลือกแก้วมังกร โดยแปรค่าความเป็นกรด-ด่าง อุณหภูมิและระยะเวลาตามแผนการทดลอง Box-Behnken design ก่อนนำไปวิเคราะห์เพื่อหาสภาวะที่เหมาะสม ศึกษาตัวกลางที่ต่างชนิดกันที่ใช้ในการผสมกับสารสกัดที่ได้ จะทำให้คุณสมบัติของสีผสมอาหารในการต้านเชื้อจุลินทรีย์แตกต่างกันโดยเลือกตัวกลางได้แก่แป้งมันสำปะหลังดัดแปรและมอลโตเดกตรินซ์เพื่อทำเป็นสีผสมอาหาร ศึกษาคุณสมบัติทางชีวภาพในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ของสารสกัดที่ได้จากเปลือกมังคุดและเปลือกแก้วมังกรโดยนำตัวอย่างผงสีชั่งน้ำหนักแล้วละลายด้วยสาร McIlvaine’s buffer (pH 5.6) ปริมาตร 20 มิลลิลิตร แล้วนำมาวิเคราะห์คุณสมบัติในการเป็นสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันและนำสารสกัดจากเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุดสกัดด้วยน้ำปราศจากไอออนมาทดสอบคุณสมบัติทางชีวภาพในการเป็นสารต้านการก่อกลายพันธุ์โดยวิธี Salmonellatest และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสีผสมอาหารที่สกัดได้จากเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุดกับสีผสมอาหารทางการค้าโดยวิเคราะห์ปริมาณโลหะหนักปนเปื้อนในผงสีที่สกัดจากเปลือกแก้วมังกรและเปลือกมังคุด ที่ผสมแป้งAOSกับมอลโตเดกตรินซ์และสีผสมอาหารทางการค้าต่อจากนั้นวิเคราะห์คุณสมบัติการละลายด้วยวิธีการของ Ahmed, Akter, Lee, and Eun (2010)เทียบกับสีผสมอาหารการค้าและวิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์มาตรฐานด้วยวิธี Total plate countและนับจำนวนของจุลินทรีย์ที่เจริญเติบโตบนผิวหน้าอาหาร สุดท้ายคือศึกษาค่าความคงตัวของสารแอนโทไซยานินโดยการเอนแคปซูเลทด้วยเส้นใยจากหัวบีทรูทด้วยเครื่องสเปกโตรโฟร์โตมิเตอร์จากนั้นคำนวณปริมาณความเข้มข้นของสารแอนโทไซยานินที่ได้