การศึกษาผลของแทนนินและสารสีจากพืชในท้องถิ่นที่มีผลต่อการติดสีของผ้าและการใช้ประโยชน์อื่น ๆ
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
สุกัญญา เจริญกุล, นภัสสร โภชนุกูล, สุธิษา เกื่ออาษา
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
ไชยา รัชนีย์
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
โครงงานเรื่องการศึกษาผลของแทนนินและสารสีจากพืชในท้องถิ่นที่มีผลต่อการติดสีของผ้าและการใช้ประโยชน์อื่นๆ มีวัตุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการสกัดแทนนินและสารสีจากพืชในท้องถิ่นและเพื่อศึกษาการนำแทนนินและสารสีที่สกัดได้มาใช้ประโยชน์ โดย ศึกษาชนิดของพืชที่จะนำมาสกัดแทนนินและสารสีพบว่า พืชแต่ละชนิดจะให้สารสีที่แตกต่างกันพืชที่ให้เฉดสีแดงได้แก่ เปลือกลำต้นประดู่ เปลือกลำต้นเสม็ดชุน เปลือกลำต้นมะม่วงหิมพานต์และพืชที่ให้เฉดสีเขียวได้แก่ ใบหูกวาง ใบมะพูด และใบคนทีสอทะเล เมื่อศึกษาปริมาณแทนนินที่พบในพืชชนิดต่างๆโดยวิธีตกตะกอนโปรตีนจากไข่ขาว พบว่า พืชกลุ่มเฉดสีแดงที่พบปริมาณสารแทนนินมากที่สุด คือ เปลือกลำต้นประดู่ รองลงมา คือเปลือก ลำต้นมะม่วงหิมพานต์และเปลือกลำต้นเสม็ดชุนตามลำดับ ส่วนพืชกลุ่มเฉดสีเขียวที่พบปริมาณสารแทนนินมากที่สุด คือ ใบหูกวาง รองลงมาคือ ใบมะพูดและใบคนทีสอทะเลตามลำดับ เมื่อศึกษาอุณหภูมิที่เหมาะสมในการสกัดสารสีจากเปลือกลำต้นประดู่และใบหูกวาง พบว่า สารสีที่สกัดโดยใช้อุณหภูมิที่แตกต่างกันจะได้ความเข้มของสีแตกต่างกัน โดยการสกัดสารสีที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสจะได้สารสีเข้มกว่าการสกัดที่อุณหภูมิห้องเมื่อศึกษาตัวทำละลายที่ใช้ในการสกัดแทนนินและสารสีเปลือกลำต้นประดู่และใบหูกวาง พบว่า น้ำเป็นทำละลายที่เหมาะสมที่สุดเพราะจะได้แทนนินและสารสีที่เข้มมากที่สุดและเมื่อนำมาย้อมผ้าจะทำให้ผ้าติดสีดีที่สุด เมื่อศึกษาอัตราส่วนที่ใช้ในการสกัดแทนนินและสารสีจากเปลือกลำต้นประดู่และใบหูกวาง พบว่า อัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดคืออัตราส่วนของพืชต่อน้ำ 100 g : 400dm^3เพราะจะได้แทนนินและสารสีที่เข้มมากที่สุดและเมื่อนำมาย้อมผ้าจะทำให้ผ้าติดสีดีที่สุด เมื่อศึกษาการนำแทนนินและสารสีมาใช้ประโยชน์ในการย้อมเส้นใยผ้า เพื่อเพิ่มความคงทนแข็งแรงของเส้นใย พบว่า เส้นใยที่ย้อมสารสีทั้ง 2 ชนิดสามารถทนต่อแรงดึงได้มากกว่าผ้าที่ไม่ย้อมด้วยแทนนินและสารสีใดๆ โดยเส้นใยที่ย้อมด้วยแทนนินและสารสีจากเปลือกลำต้นประดู่สามารถทนต่อแรงดึงได้มากที่สุด คือ 5.42 นิวตัน รองลงมา คือ เส้นใยที่ย้อมด้วยแทนนินและสารสีจากใบหูกวางสามารถทนต่อแรงดึงได้ 4.56 นิวตันเมื่อศึกษาการเปลี่ยนสีของผ้าที่ย้อมด้วยสารสีจากเปลือกประดู่และใบหูกวางเมื่อใช้มอร์แดนท์ชนิดต่างๆ พบว่า ผ้าที่ย้อมด้วยสารสีจากเปลือกลำต้นประดู่เมื่อนำไปแช่น้ำปูนใสจะเปลี่ยนจากสีแดงอมน้ำตาลเป็นสีน้ำตาลอมแดงแช่น้ำสารส้มจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมน้ำตาลอ่อนแช่น้ำสนิมจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนและเมื่อแช่ในน้ำเกลือจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู เมื่อย้อมด้วยใบหูกวางแล้วนำมาแช่ในน้ำปูนใสจะเปลี่ยนจากเขียวอมน้ำตาลเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง แช่ในน้ำสารส้มจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองแช่ในน้ำสนิมจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนและแช่ในน้ำเกลือจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเขียว เมื่อศึกษาการนำแทนนินและสารสีมาใช้ประโยชน์ในการย้อมเซลล์ เปรียบเทียบกับสีสังเคราะห์ พบว่าเมื่อนำสารสีที่สกัดได้จากเปลือกลำต้นประดู่ไปย้อมเซลล์ลำต้นของต้นหมอน้อย เซลล์จะติดสีได้ใกล้เคียงกับการย้อมด้วยสี Safranin O และเมื่อใช้แทนนินและสารสีที่สกัดจากใบหูกวางจะได้เซลล์ที่ติดสารสีเขียวใกล้เคียงกับการย้อมด้วยสีย้อม FAST GREEN ซึ่งการย้อมเซลล์ด้วยสารสีที่สกัดได้จากพืชทั้ง 2 ชนิดจะทำให้มองเห็นส่วนประกอบของเซลล์ได้ชัดเจนขึ้น เมื่อศึกษาการนำแทนนินและสารสีมาใช้ประโยชน์เป็นสีทาไม้เพิ่มความสวยงามและป้องกันปลวกเปรียบเทียบกับสีทาไม้ในท้องตลาด พบว่า เมื่อนำแทนนินและสารสีที่สกัดได้มาทาเคลือบแผ่นไม้อัดจะได้ไม้อัดที่มีความสามารถในการป้องกันปลวกได้ใกล้เคียงกับสีทาไม้ที่ซื้อจากท้องตลาด เมื่อศึกษาการนำแทนนินและสารสีมาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มสีและรักษาแผลในปลากัด พบว่า แทนนินและสารสีที่สกัดได้จากเปลือกลำต้นประดู่และใบหูกวางสามารถเพิ่มสีปลากัดได้โดยจะทำให้ปลากัดมีสีเข้มขึ้นจากเดิมโดยเฉพาะบริเวณลำตัว ครีบและหางและเมื่อนำสารสีทั้ง 2 ชนิดมารักษาแผลของปลากัด พบว่าสารสีจากใบหูกวางทำให้แผลของปลากัดหายเร็วและแข็งแรงมากที่สุด รองลงมาคือแทนนินและสารสีจากเปลือกลำต้นประดู่