บรรจุภัณฑ์ชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลังเสริมแรงด้วยเส้นใยธูปฤาษี
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
ปุญญิศา ขาวนวล, แก้วตา ทันจันทร์, ธิรดา ทองเพชร
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
เพื่อนจิต สิงห์เผ่น
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ปัจจุบันหลายประเทศเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมเนื่องจากการกระทำของมนุษย์ที่มีการใช้ขยะพลาสติกและโฟมจำนวนมากก่อให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน และปัญหาด้านมลพิษต่างๆ ผู้จัดทำจึงได้เกิดการคิดค้นและใช้งานวัสดุ
ย่อยสลายได้ทางชีวภาพทดแทนโฟมที่ไม่สามารถย่อยสลายได้โดยการนำแป้งมันสำปะหลัง ที่มีคุณสมบัติบริสุทธิ์ ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โครงงานนี้จึงได้ศึกษาสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับการผลิตบรรจุภัณฑ์ชีวภาพระหว่างแป้งมันสำปะหลัง เส้นใยธูปฤาษี และเติมแต่งบรรจุภัณฑ์ชีวภาพด้วยพอลิไวนิลแอลกอฮอล์ผลการทดลองพบว่า อัตราส่วนระหว่างเส้นใยธูปฤาษีต่อแป้งมันสำปะหลัง 5 : 160 มีค่าการดูดซึมน้ำ เท่ากับ 4.60 เปอร์เซ็นต์ ความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์ชีวภาพที่อัตราส่วน 5:160 มีค่าความหนาแน่นมากที่สุด ค่า Tensile strain ของบรรจุภัณฑ์ชีวภาพที่มีอัตราส่วน 5:120 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.29 MPa ค่าความแข็งแรงกระแทกของบรรจุภัณฑ์ชีวภาพมีค่ามากที่สุดที่สัดส่วนระหว่างเส้นใยธูปฤาษีและแป้งมันสำปะหลังที่ 5:160 โดยน้ำหนัก สำหรับความแข็งผิว (Hardness) มากที่สุดที่สัดส่วนระหว่างเส้นใยธูปฤาษีและแป้งมันสำปะหลังที่ 10:140 โดยน้ำหนัก บรรจุภัณฑ์ชีวภาพย่อยสลายได้ดีในค่า PH ของสารละลายกรดแอซิติก ระหว่าง PH 1-2 ในสภาพดินฝังกลบสัดส่วนระหว่างเส้นใยธูปฤาษีและแป้งมันสำปะหลัง 5:140 และ 10:140 มีเปอร์เซ็นต์การย่อยสลายสูงที่สุดที่เปอร์เซ็นต์การย่อยสลายเท่ากับ 91.66 และ 90.53 ตามลำดับ
การวิเคราะห์การปนเปื้อนสารเคมีในบรรจุภัณฑ์ชีวภาพ ด้วยวิธี Thin Layer Chromatography (TLC) ใน solvent system (เอทานอล;ไดคลอโรมีเทน,1:3) ภายใต้รังสี UV ไม่พบสารปนเปื้อน การหมักบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านใช้งานแล้วในสภาวะที่หมักด้วยลูกแป้ง และด้วยยีสต์แห้ง (Saccharomyces cerevisiae) พบว่า การหมักด้วยยีสต์แห้งเป็นเวลา 30 วัน ทำให้ได้ปริมาณเอทานอลที่ 1.93 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการหมักด้วยลูกแป้งไม่พบเอทานอล