ผลของการปลูกข้าวในระบบน้ำขังและระบบปราณีต-แอโรบิก(Aerobic SRI)ต่อการเจริญเติบโตของรากแขนง
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
ภูริณัฐ จาฏามระ, โสภณวิชญ์ ชูโพธิ์
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
ฉัตรธิดา ชัยโพธิ์ศรี
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ประเทศผู้ผลิตข้าวรวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการขาดน้ำ ซึ่งมีรายงานเกี่ยวกับระบบการปลูกข้าวแบบปราณีต-แอโรบิก (Aerobic SRI system) คือระบบปลูกข้าวที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำและเพิ่มผลผลิตในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำจำกัด อย่างไรก็ตามไม่ใช่กับทุกสายพันธุ์ที่สามารถปรับตัวในระบบนี้ได้ การนำวิธีใหม่มาใช้ต้องผ่านการคัดเลือกที่เหมาะสมและการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวที่สามารถปรับตัวได้ดีในการปลูกข้าวแบบปราณีต-แอโรบิก ความหลากหลายของลักษณะทางโครงสร้างและกายวิภาคของราก มีอิทธิพลส่งผลต่อการปรับตัวของพืชในสภาพแวดล้อมต่างๆ ในการศึกษาผู้ทำการทดลองจะศึกษาการตอบสนอง ในข้าว 7 สายพันธุ์ในระบบน้ำขังและระบบปราณีต-แอโรบิก (Aerobic SRI) และวิเคราะห์ลักษณะรากที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวภายในการปลูกแบบปราณีต-แอโรบิก พืชจะถูกเก็บที่ระยะออกดอกและตั้งท้อง ผลการทดลองพบว่าการปลูกข้าวและในบบปราณีต-แอโรบิก (Aerobic SRI) มีความหนาแน่นของรากแขนงมากกว่าในระบบน้ำขังและเมื่อศึกษาข้าวในแต่ละสายพันธุ์พบว่าข้าวสายพันธุ์ IR57514 มีความหนาแน่นของรากแขนงเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับระบบน้ำขัง โดยข้าวสายพันธุ์ IR57514 เป็นข้าวที่ถูกปลูกในระบบนาน้ำฝนซึ่งคล้ายคลึงกับระบบปราณีต-แอโรบิก (Aerobic SRI) ผู้วิจัยจึงแนะนำข้าวสายพันธุ์ IR57514 ในการปลูกแบบระบบปราณีต-แอโรบิก (Aerobic SRI)