ผลของชนิดไส้ในพืชในท้องถิ่นต่อการกระจายสารไล่แมลงวันทอง
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
วิราวรรณ มาเยอะ, กัญญาพัชร กิจธรรม
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
เกียรติศักดิ์ อินราษฎร, สุธิพงษ์ ใจแก้ว
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
แมลงวันทองเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรไทย สร้างความเสียหายและมีการระบาดตลอด ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เกษตรกรมักใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัด เช่น ยาฆ่าแมลง (สารไพมีโทรซีนและอิมิดาน70%) แต่ละสารเคมีชนิดนี้มีอัตราการย่อยสลายต่ำ ส่งผลให้ตกค้าง
ไปยังผู้บริโภค การใช้ชีววิถี เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้มีรายงานเกี่ยวกับการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืช เพื่อใช้ป้องกันการเข้าทำลายของแมลงวันทอง เช่น น้ำมันหอมระเหยจากข่าเล็ก ( นาย ปิยะ ปกเกตุ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ) โดยนำน้ำมันหอมระเหยใส่ในภาชนะ เพื่อควบคุมแมลงวันทองนั้น มีอัตราการปลดปล่อยไม่คงที่ อุณหภูมิสูงน้ำมันก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็วทำให้สิ้นเปลืองสาร ในขณะที่ใส่สารน้อยไป ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ เกษตรกรก็ต้องสิ้นเปลืองแรงงาน เพราะต้องคอยเติมสารบ่อยๆ การหาวิธีการเพื่อควบคุมการกระจายน้ำมันหอมระเหยจากพืช เป็น แนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
จากการสังเกตพบว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาการควบคุมการกระจายน้ำหอมจากสารสังเคราะห์ โดยใช้หลักการการแพร่ เพื่อกระจายสารให้ความหอมในห้องต่างๆ แต่ด้วยวัสดุดังกล่าวเป็นสาร สังเคราะห์ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากการสังเกตในท้องถิ่น มีต้นพืชหลากหลายชนิดที่มี ลักษณะรูพรุนตรงกลางคล้ายฟอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซึมกระจายน้ำหอมได้ดี จึงมีแนวคิดนำต้นพืช ดังกล่าวมาใช้ทดแทนสารเคมีจึงได้พัฒนาโครงงานนี้ขึ้นซึ่งเป็นแนวทางในการไล่แมลงวันทองโดยไม่ใช้ สารเคมีและไม่ส่งผลกระทบต่อพืชโดยตรง
แมลงวันทองเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรไทย สร้างความเสียหายและมีการระบาดตลอด ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เกษตรกรมักใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัด เช่น ยาฆ่าแมลง (สารไพมีโทรซีนและอิมิดาน70%) แต่ละสารเคมีชนิดนี้มีอัตราการย่อยสลายต่ำ ส่งผลให้ตกค้าง
ไปยังผู้บริโภค การใช้ชีววิถี เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้มีรายงานเกี่ยวกับการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืช เพื่อใช้ป้องกันการเข้าทำลายของแมลงวันทอง เช่น น้ำมันหอมระเหยจากข่าเล็ก ( นาย ปิยะ ปกเกตุ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ) โดยนำน้ำมันหอมระเหยใส่ในภาชนะ เพื่อควบคุมแมลงวันทองนั้น มีอัตราการปลดปล่อยไม่คงที่ อุณหภูมิสูงน้ำมันก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็วทำให้สิ้นเปลืองสาร ในขณะที่ใส่สารน้อยไป ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ เกษตรกรก็ต้องสิ้นเปลืองแรงงาน เพราะต้องคอยเติมสารบ่อยๆ การหาวิธีการเพื่อควบคุมการกระจายน้ำมันหอมระเหยจากพืช เป็น แนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
จากการสังเกตพบว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาการควบคุมการกระจายน้ำหอมจากสารสังเคราะห์ โดยใช้หลักการการแพร่ เพื่อกระจายสารให้ความหอมในห้องต่างๆ แต่ด้วยวัสดุดังกล่าวเป็นสาร สังเคราะห์ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากการสังเกตในท้องถิ่น มีต้นพืชหลากหลายชนิดที่มี ลักษณะรูพรุนตรงกลางคล้ายฟอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซึมกระจายน้ำหอมได้ดี จึงมีแนวคิดนำต้นพืช ดังกล่าวมาใช้ทดแทนสารเคมีจึงได้พัฒนาโครงงานนี้ขึ้นซึ่งเป็นแนวทางในการไล่แมลงวันทองโดยไม่ใช้ สารเคมีและไม่ส่งผลกระทบต่อพืชโดยตรง
แมลงวันทองเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรไทย สร้างความเสียหายและมีการระบาดตลอด ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เกษตรกรมักใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัด เช่น ยาฆ่าแมลง (สารไพมีโทรซีนและอิมิดาน70%) แต่ละสารเคมีชนิดนี้มีอัตราการย่อยสลายต่ำ ส่งผลให้ตกค้าง
ไปยังผู้บริโภค การใช้ชีววิถี เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้มีรายงานเกี่ยวกับการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืช เพื่อใช้ป้องกันการเข้าทำลายของแมลงวันทอง เช่น น้ำมันหอมระเหยจากข่าเล็ก ( นาย ปิยะ ปกเกตุ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ) โดยนำน้ำมันหอมระเหยใส่ในภาชนะ เพื่อควบคุมแมลงวันทองนั้น มีอัตราการปลดปล่อยไม่คงที่ อุณหภูมิสูงน้ำมันก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็วทำให้สิ้นเปลืองสาร ในขณะที่ใส่สารน้อยไป ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ เกษตรกรก็ต้องสิ้นเปลืองแรงงาน เพราะต้องคอยเติมสารบ่อยๆ การหาวิธีการเพื่อควบคุมการกระจายน้ำมันหอมระเหยจากพืช เป็น แนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
จากการสังเกตพบว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาการควบคุมการกระจายน้ำหอมจากสารสังเคราะห์ โดยใช้หลักการการแพร่ เพื่อกระจายสารให้ความหอมในห้องต่างๆ แต่ด้วยวัสดุดังกล่าวเป็นสาร สังเคราะห์ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากการสังเกตในท้องถิ่น มีต้นพืชหลากหลายชนิดที่มี ลักษณะรูพรุนตรงกลางคล้ายฟอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซึมกระจายน้ำหอมได้ดี จึงมีแนวคิดนำต้นพืช ดังกล่าวมาใช้ทดแทนสารเคมีจึงได้พัฒนาโครงงานนี้ขึ้นซึ่งเป็นแนวทางในการไล่แมลงวันทองโดยไม่ใช้ สารเคมีและไม่ส่งผลกระทบต่อพืชโดยตรง
แมลงวันทองเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรไทย สร้างความเสียหายและมีการระบาดตลอด ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เกษตรกรมักใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัด เช่น ยาฆ่าแมลง (สารไพมีโทรซีนและอิมิดาน70%) แต่ละสารเคมีชนิดนี้มีอัตราการย่อยสลายต่ำ ส่งผลให้ตกค้าง
ไปยังผู้บริโภค การใช้ชีววิถี เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้มีรายงานเกี่ยวกับการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืช เพื่อใช้ป้องกันการเข้าทำลายของแมลงวันทอง เช่น น้ำมันหอมระเหยจากข่าเล็ก ( นาย ปิยะ ปกเกตุ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ) โดยนำน้ำมันหอมระเหยใส่ในภาชนะ เพื่อควบคุมแมลงวันทองนั้น มีอัตราการปลดปล่อยไม่คงที่ อุณหภูมิสูงน้ำมันก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็วทำให้สิ้นเปลืองสาร ในขณะที่ใส่สารน้อยไป ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ เกษตรกรก็ต้องสิ้นเปลืองแรงงาน เพราะต้องคอยเติมสารบ่อยๆ การหาวิธีการเพื่อควบคุมการกระจายน้ำมันหอมระเหยจากพืช เป็น แนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น
จากการสังเกตพบว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาการควบคุมการกระจายน้ำหอมจากสารสังเคราะห์ โดยใช้หลักการการแพร่ เพื่อกระจายสารให้ความหอมในห้องต่างๆ แต่ด้วยวัสดุดังกล่าวเป็นสาร สังเคราะห์ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากการสังเกตในท้องถิ่น มีต้นพืชหลากหลายชนิดที่มี ลักษณะรูพรุนตรงกลางคล้ายฟอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซึมกระจายน้ำหอมได้ดี จึงมีแนวคิดนำต้นพืช ดังกล่าวมาใช้ทดแทนสารเคมีจึงได้พัฒนาโครงงานนี้ขึ้นซึ่งเป็นแนวทางในการไล่แมลงวันทองโดยไม่ใช้ สารเคมีและไม่ส่งผลกระทบต่อพืชโดยตรง