โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องผลของสารสกัดจากพืชวงศ์ Euphorbiaceae ในการป้องกันเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Nilaparvata lugens Stal) และผลกระทบต่อมวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis Reuter)

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
  • ปวีณา ตะเภาทอง

  • ปิยะรัตน์ วงศ์สน

  • อำภา มณีล้ำ

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
  • นิรันดร์ เหลืองสวรรค์

  • ประเทืองสุข มณีล้ำ

  • สุริยา โก้พิมาย

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนพนมสารคาม "พนมอดุลวิทยา"

รางวัลการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์

ม.ปลายชนะการประกวดรางวัลที่ 2 สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพภาคตะวันออก

คำสำคัญ (keywords) ของโครงงาน
  • Cyrtorhinus lividipennis Reuter

  • Euphorbiaceae

  • Nilaparvata lugens Stal

  • มวนเขียวดูดไข่

  • เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

ประเภทโครงงานวิทยาศาสตร์

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ผลของสารสกัดจากพืชวงศ์ Euphorbiaceae ในการป้องกันเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Nilaparvata lugens Stal) และผลกระทบต่อมวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis Reuter) เพื่อหาวิธีการป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดสีน้ำตาล โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 3 การทดลอง ดังนี้ การทดลองที่ 1 ศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากพืชวงศ์ Euphorbiaceae ได้แก่ น้ำนมราชสีห์ หญ้ายาง สบู่แดง และลูกใต้ใบ ที่ระดับความเข้มข้นต่างกันต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และมวนเขียวดูดไข่ ณ ห้องปฏิบัติการ พบว่า สารสกัดจากสบู่แดงมีเปอร์เซ็นต์การตายของ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมากที่สุด และมีเปอร์เซ็นต์การตายของมวนตัวห้ำไข่เป็นอันดับที่ 2 ดังนั้นจึงเลือกสบู่แดงในไปศึกษาทดลองถึงประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและผลกระทบต่อมวนห้ำไข่ และระดับความเข้มข้นสูงจะมีผลต่อการตายของแมลงทดสอบทั้งสองชนิดเพิ่มขึ้น การทดลองที่ 2 ศึกษาเปรียบเทียบสารสกัดจากสบู่แดงที่มีต่อการเจริญเติบโตและอัตราการรอดชีวิตของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและมวนเขียวดูดไข่ ณ ห้องปฏิบัติการ พบว่า ตารางชีวิตของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ได้รับสารสกัดสบู่แดงมีการตายมากขึ้นกว่าที่ไม่ได้รับสารสกัดสบู่แดง การทดลองที่ 3 ศึกษาเปรียบเทียบสารสกัดจากสบู่แดงที่มีต่อประสิทธิภาพการห้ำของมวนเขียวดูดไข่ ณ ห้องปฏิบัติการ พบว่า สารสกัดจากสบู่แดงมีผลต่อประสิทธิภาพการห้ำของมวนเขียวดูดไข่ จำนวนไข่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่มวนกินได้ต่อตัวลดลง