การสวดมนต์

การสวดมนต์ก็คือ กล่าวคำศักดิ์สิทธิ์อันมีฤทธิ์มีอำนาจเหนือชีวิต จิตใจ ได้แก่สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และมนต์ ของพระพุทธเจ้าซึ่งเรียกว่า พระพุทธมนต์ แต่พระพุทธมนต์เป็นคำ ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ผู้นับถือพระพุทธศาสนาย่อมนับถือพระพุทธมนต์เสมอ ด้วยชีวิตจิตใจ ถือว่าเป็นเครื่องป้องกันภัยอันตราย และประสิทธิ์ประสาท ความเจริญให้ จัดเป็นกุศลวิธีมาแต่ครั้งพุทธกาล การสวดมนต์ใช้สวดกันเป็น ภาษามคธเป็นพื้น เพราะภาษามคธเป็นภาษาหลักเดิมของพระพุทธศาสนา และถือกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ข้อสำคัญควรรู้ความที่สวดนั้นด้วย การ สวดมนต์ที่เราเห็นกันอยู่ก็คือ สวดเป็นกิจวัตรสำหรับตนอย่างหนึ่ง พิธี พระสวดมนต์ในพิธีต่าง ๆ อย่างหนึ่ง ในที่นี้จะพูดถึงการสวดมนต์อันเป็น กิจวัตรสำหรับตนก่อน การสวดมนต์ที่เป็นกิจวัตรสำหรับตนหมายเอาทั้ง สวดเดี่ยวและสวดหมู่ สวดเดี่ยวคือสวดคนเดียว สวดหมู่คือสวดตั้งแต่สอง คนขึ้นไป จะสวดหมู่หรือสวดเดี่ยวก็ตาม ย่อมได้รับผลทางจิตใจเท่ากัน และบทที่ใช้ในการสวดก็มีหลายแบบหลายวิธีสุดแต่จะนิยมสวดกัน ส่วนที่ นิยมเป็นอย่างเดียวกัน และเว้นไม่ได้ ก็คือบทนมัสการพระ ได้แก่ นโม บทนี้ต้องใช้ขึ้นต้นเสมอไปไม่ว่าในพิธีใดๆ และดูเหมือนจะขึ้นใจกันในบทนี้ ก่อน สำหรับผู้เข้าถึงพระ เพราะเป็นบทไหว้พระบรมครูที่ต้องการว่าก่อน เรียกว่าขึ้น นโม ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อท่านผู้เป็นพระบรมครู ของโลก ผู้เริ่มสร้างหลักธรรมของพระพุทธศาสนาขึ้น จะได้เกิดความ ศักดิ์สิทธิ์ในบทที่จะสวดต่อไป บทนี้มีอยู่ ๕ คำคือ นโม คำหนึ่ง ตัสสะ คำหนึ่ง ภควโต คำหนึ่ง อรหโต คำหนึ่ง สมมาสมพุทธัสสะ คำหนึ่ง ทั้ง ๕ คำนี้มีตำนานมาว่า

ครั้งหนึ่ง เทวดาห้าองค์ คือ สาตาคิรายักษ์องค์หนึ่ง อสุรินทราหู องค์หนึ่ง ท้าวมหาราชองค์หนึ่ง ท้าวสักกะองค์หนึ่ง ท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง ไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเกิดความเลื่อมใสในพระพระพุทธเจ้าอย่างจับจิต จับใจ

สาตาคิรายักษ์ เปล่งวาจาว่า นโม
อสุรินทราหู เปล่งวาจาว่า ตัสสะ
ท้าวมหาราช เปล่งวาจาว่า ภควโต
ท้าวสักกะ เปล่งวาจาว่า อรหโต
ท้าวมหาพรหม เปล่งวาจาว่า สมมาสมพุทธัสสะ

ซึ่งท่านได้แต่งไว้เป็นคาถาบัฐยาวัตตฉันท์ ว่า

นโม สาตาคิรายกุโข
ตัสสะ จ อสุรินุทโก
ภควโต มหาราชา
สักกะ อรหโต ตถา
สมมาสมพุทธัสสะ มหามพุรหุมา
ปญฺจ เอเต นมสูสเร

มีเนื้อความอย่างที่กล่าวมาแล้ว พระอรหันต์ทั้งหลายเห็นเป็นคำกล่าวที่แสดง พระพุทธคุณอย่างรวบยอด จึงได้นำมาใช้สำหรับเป็นบทนมัสการพระตั้งแต่ นั้นมาจนทุกวันนี้

ใจความของ นโม นั้นมีว่า "ขอนอบน้อมแก่สมเด็จพระผู้ทรงพระ ภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น" เพียงเท่านี้ก็เป็นอันประกาศพระ คุณของพระพุทธเจ้าอย่างรวบยอดโดยสิ้นเชิง พระคุณของพระพุทธเจ้าอย่าง รวบยอดมี ๓ ประการคือ ๑. พระปัญญาคุณทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ๒. พระวิสุทธิคุณ ทรงบริสุทธิ์สิ้นเชิง ๓. พระกรุณาคุณ ทรงสงสารสั่ง สอนผู้อื่นให้รู้ยิ่งเห็นจริงตามที่ควรรู้ควรเห็น ดังนั้นบทความของนโมก็ประ มวลลงในพระคุณทั้งสามนี้ คือ ภควโต ที่แปลว่า พระผู้ทรงพระภาคนั้น หมายความว่า พระองค์เป็นผู้แจกพระธรรม นำผู้อื่นให้รู้จักดีรู้จักชั่วจนได้ บรรลุธรรมพิเศษด้วยพระมหากรุณาของพระองค์ จัดเป็นพระกรุณาคุณ บท อรหโต ที่แปลว่า พระอรหันต์นั้น หมายความว่า พระองค์เป็นผู้ไกลจาก กิเลสและความชั่วทุกชนิด กล่าวคือ เป็นผู้บริสุทธิ์ จัดเป็นพระวิสุทธิคุณ บท สัมมาสัมพุทธัส ที่แปลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หมายความว่า พระ องค์เป็นผู้ตรัสรู้พระธรรมด้วยพระองค์เอง ไม่มีใครสอนให้ จัดเป็นพระ ปัญญาคุณดังนี้ เป็นอันว่า เมื่อกล่าวบท นโม จึงเท่ากับประกาศพระคุณทั้ง สามโดยสิ้นเชิง หากนึกน้อมไปตามนั้นก็จะเกิดปีติอิ่มเอิบใจในพระคุณของสม เด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่น้อย จะทำให้ได้ผลดีกว่ากล่าวไปโดยไม่เข้าใจความ อะไรเลย

การสวดมนต์ เป็นกรณียกิจ ของพุทธศาสนิกชนมานานแล้ว ทั้งสวด ด้วยตนเองและฟังพระสวด การสวดด้วยตนเองได้กล่าวแล้วว่า เป็นกิจวัตร สำหรับตน ซึ่งจะต้องทำเสมอ ๆ เพื่อให้เกิดสวัสดิมงคลแก่ตน และเป็น เครื่องปลอบใจให้สงบไม่ฟุ้งซ่าน โดยนึกถึงคุณพระเป็นอารมณ์เพื่อหน่วง เหนียวนำใจให้ชุ่มชื่นอยู่ในพระคุณของท่านแม้ในเวลามีอันตราย เมื่อนึกถึง คุณพระก็บรรเทาความหวาดสะดุ้งไป ได้ชั่วขณะ ในโลกนี้ใครที่จะถูกขอร้อง ให้ทำงาน ทั้งใหญ่ทั้งหนักทั้งมาก และไม่มีเวลาหยุดเหมือนคุณพระเป็นไม่ มีแล้ว งานแต่ละอย่างที่ถูกขอร้องนั้น ล้วนมหึมาทั้งสิ้น เช่นงานช่วยอันตราย งานคุ้มครองป้องกัน งานปกปักรักษา ดังปรากฏในคำขอร้องอวยพรต่างๆ ในที่ทั่ว ๆ ไป คุณพระต้องแบ่งภาคทำงานใหญ่ทุกทิศทุกทาง ไม่หยุด หย่อน แล้วแต่ว่าเขากลัวกันในด้านไหน ต้องการอะไร เขาก็ขอร้องให้ทำทั้ง นั้นเขาไปรบ ก็ต้องแบ่งภาคไปกับเขา ถ้าเขาไปกันแสนหนึ่ง ก็ต้องแบ่ง ภาคไปแสนหนึ่ง ที่เฝ้าแนวหลังก็ต้องแบ่งภาคอยู่ด้วย ทุกวัดวาอาราม ทุกบ้านเรือนที่นับถือต้องอยู่ช่วยกันทั้งนั้น จนกระทั่งเด็กเล็ก ๆ ก็ต้อง แบ่งภาคเป็นองค์เล็ก ๆ ให้ผูกคอ ทั้งเป็นหมอวิเศษนัก ผู้ที่เส้นประสาทไม่ ค่อยดี เพราะเสียงสัญญาณภัยทางอากาศ ถ้าไม่ได้คุณพระซึ่งเป็นหมอวิเศษ แล้ว จะเลยเป็นบ้ากันยกใหญ่ ถึงที่เส้นประสาทดีก็ได้ท่านรักษาอีก จึงคงดี อยู่ได้มาก เรารบกวนท่านแล้วถึงเพียงนี้ ก็ควรทำให้ดีอยู่กับท่านเสมอ ๆ นึกถึงท่านทุกวันคืน ไม่ใช่นึกถึงท่านเพียงขณะมีอันตรายเท่านั้น ทำได้ดัง นี้เป็นสวัสดีแน่ ๆ นี้คือการสวดมนต์อันเป็นกิจวัตรสำหรับตน ส่วนการฟัง พระสวดมนต์นั้น จัดเป็นประเพณีทางศาสนาของพุทธศาสนิกชนมาแต่ครั้ง พุทธกาล แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นเจ้าของพระพุทธ- ศาสนาก็ยังทรงฟังสวดมนต์ ตามที่ปรากฏว่า ครั้งหนึ่งพระองค์ประทับอยู่ นี่ก็เป็นประวัติการณ์สวดมนต์ ได้ประการหนึ่ง ในกาลต่อมาถือเป็นประเพณี ในเมื่อจะประกอบกุศลวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นทำบุญบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ โกนจุก ฉลองสิ่งที่ก่อสร้าง หรือทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย ก็นิมนต์พระมาสวด มนต์ และพระที่นิมนต์มาสวดนั้นถือกันว่าต้องตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไป ต่ำกว่า นั้นผิดธรรมเนียม ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะต้องการให้ครบองค์สงฆ์ เพราะพระ ที่จะเป็นองค์สงฆ์ต้องมีตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไป และถือกันว่าการทำบุญ ถ้าทำ แก่สงฆ์ย่อมได้บุญมากกว่าทำแก่คณะหรือบุคคล อีกอย่างหนึ่ง การสวดมนต์ ย่อมมีบทสวดหลายบท ถ้าพระน้อยองค์สวด ก็จะเหนื่อยมาก ถ้าหลายองค์ สวดก็จะได้ผ่อนความเหนื่อยลงได้บ้าง บทที่ใช้สวดมนต์ของพระนั้นมีเจ็ด ตำนานและสิบสองตำนาน จะได้กล่าวถึงเจ็ดตำนานและสิบสองตำนานต่อไป