นิเวศวิทยาและปัจจัยการย่อยซากสารอินทรีย์ของแมลงวันลาย (Hermetia illucens)
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
ณฤพร สังอ่อนดี, กัญญาณัฐ ศรีเกษม, สิทธิพล ยอดคำ
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
จีรวรรณ จีนโน
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
จากการศึกษานิเวศวิทยาและปัจจัยการย่อยซากสารอินทรีย์ของแมลงวันลาย (Hermetia illucens) เพื่อลดจำนวนประชากรแมลงวันบ้าน (Musca domestica) ที่มีอยู่ในบริเวณครัวเรือนเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากมูลสัตว์เหลือทิ้ง เช่น มูลไก่ จากการสังเกตพฤติกรรมของหนอนแมลงวันลายพบว่าในระยะนี้หนอนแมลงวันลายจะกินมูลสัตว์ อาหารหมัก หรือขยะอินทรีย์เป็นอาหาร จึงทำให้เกิดแนวคิดที่จะนำหนอนของแมลงวันลายมาใช้ในการย่อยซากสารอินทรีย์ โดยในการทดลองที่ 1 จำลองสภาพแวดล้อมสำหรับใช้ย่อยซากสารอินทรีย์โดยนำหนอนแมลงวันลายจำนวน 20 ตัวใส่ในกล่องพลาสติกใสที่มีมูลไก่อยู่ภายในปริมาณ 1 กิโลกรัม หลังจากนั้นทดสอบประสิทธิภาพการย่อยซากสารอินทรีย์โดยแบ่งเป็น 3 เวลา ได้แก่ ช่วงเช้า 8.00-9.00 น. ,ช่วงกลางวัน 12.00-13.00 น. ,ช่วงเย็น 16.00-17.00 น. โดยเก็บปริมาณความชื้น อุณหภูมิ ความเข้มแสง ปริมาณซากสารอินทรีย์และระยะเวลาที่ใช้ในการย่อยในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน หลังจากนั้นคัดเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการย่อยซากสารอินทรีย์ที่สุด นำมาทำทดลองในการทดลองที่ 2 ต่อไป โดยนำอาหารจำนวน 3 ชนิด ได้แก่ มะละกอ สับปะรด และแตงโม ในปริมาณ 1 กิโลกรัม ใส่ในกล่องพลาสติกใสที่มีหนอนแมลงวันลายจำนวน 20 ตัว เพื่อศึกษาชนิดของอาหารที่มีผลต่อระยะเวลาและประสิทธิภาพการย่อยซากสารอินทรีย์ของหนอนแมลงวันลาย หลังจากนั้นทดสอบประสิทธิภาพ และคัดเลือกชนิดของอาหารที่หนอนแมลงวันลายย่อยสลายมากที่สุดนำมาผสมกับมูลไก่ในอัตราส่วนต่างๆ ได้แก่ 1 : 3 , 2:3 , 3:3 เพื่อใช้ศึกษาอัตราส่วนระหว่างมูลไก่และอาหารที่มีผลต่อระยะเวลาและประสิทธิภาพการย่อยซากสารอินทรีย์ของหนอนแมลงวันลายในการทดลองที่ 3 ต่อไป หลังจากนั้นทดสอบประสิทธิภาพและบันทึกผล ซึ่งเมื่อหนอนแมลงวันลายที่ย่อยซากสารอินทรีย์มีอายุ 14-18 วันนั้นเป็นระยะของตัวหนอนที่ไม่สามารถย่อยซากสารอินทรีย์ต่อไปได้ จะสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกในอาหารสัตว์