ศึกษาผลของคลื่นความถี่สูงต่อสมบัติการระเหยของน้ำผสมน้ำตาลซูโครสและน้ำมันเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาความสดของผลไม้
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
เทียนกมล ทองคง, ไอริณรยา พิทักษ์วงษ์
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
ปราณี ดิษรัฐกิจ
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ปัจุบันมีเทคโนโลยีการรักษาความสดของผลไม้โดยการให้คลื่นความถี่สูงเป็นเทคโนโลยีที่ประสิทธิภาพสูงแต่มีราคาแพงมากจนไม่เหมาะกับการมาใช้ในภาคครัวเรือน โครงงานนี้มีความสนใจที่จะศึกษาวิธีการรักษาความสดของผลไม้ด้วยการลดอัตราการระเหยของน้ำในผลไม้โดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงที่ใช้ต้นทุนต่ำ ด้วยการศึกษาผลของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงต่ออัตราการระเหยของน้ำ สารละลายซูโครส และ การคงความสดของผลไม้ตัวอย่าง ในกรณีของน้ำ และสารละลายซูโครสได้สร้างระบการวัดอัตราระเหยด้วยการวัดอัตราเคลื่อนที่ของระดับเหลวในหลอดแคพิลลารีและนำปริมาณที่ได้ไปคำนวณหาอัตราการระเหยจากความสัมพันธ์ อัตราการระเหยเท่ากับ Z/t(AGC/AFP) เมื่อ z คือ ระยะทางที่ของเหลวเคลื่อนที่ในหลอดแคพิลลารี AGC คือ พื้นที่หน้าตัดของรูแคพิลลารี t คือ เวลาที่ของเหลวในการการเคลื่อนที่ และ AFPคือ พื้นที่หน้าตัดของกระดาษกรองที่ปิดด้านบนหลอดแคพิลลารี ผลการศึกษาพบว่า อัตราการระเหยของน้ำและของสารละลายซูโครสเมื่ออยู่ในคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ 40 กิโลเฮิรตซ์ มีค่าน้อยกว่าในระบบที่ไม่ให้สนามไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงให้เห็นว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ 40 กิโลเฮิรตซ์สามารถลดอัตราการระเหยของน้ำและสารละลายน้ำตาลซูโครสได้ กรณีผลไม้ตัวอย่าง (แอปเปิล) ได้ศึกษาโดยเปรียบเทียบมวลที่ลดลงเนื่องจากปริมาณของเหลวที่หายไปจากการระเหยในสภาวะที่มีและไม่มีสนามไฟฟ้าความถี่ 40 กิโลเฮิรตซ์ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง พบว่ามวลของแอปเปิลที่หายไปเนื่องเกิดการระเหยในสภาวะที่มีสนามไฟฟ้าไม่ต่างจากกรณีไม่มีสนามไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ดีการศึกษาครั้งนี้ยังใช้เวลาไม่มากหากเพิ่มระยะเวลาในการระเหยมากขึ้นจะสามารถสรุปผลการศึกษาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้โดยการทำเป็นแผ่นเพลตติดตั้งภายในตู้เย็น เช่นเดียวกับเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงในการรักษาโมเลกุลน้ำในผลไม้ (Evertron, 2018) แต่มีต้นทุนที่น้อยลง