การศึกษาวัสดุดูดซับคาร์บอนกัมมันต์จากกากมันสำปะหลังและแบคทีเรียเซลลูโลสด้วยแบคทีเรีย Acetobacter xylinum ร่วมกับกากมันสำปะหลัง
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
วิรัญญา ปิ่นสกุล, วรัชยา คงมั่น, กนกภรณ์ อุปรัง
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
เพื่อนจิต สิงห์เผ่น
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งด้านการอุปโภค บริโภคและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตบางชนิด แต่กิจกรรมของมนุษย์ทำให้มีผลกระทบต่อทางตรงและทางอ้อม ทำให้แหล่งน้ำมีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จึงมีความจำเป็นต้องค้นคว้าการจัดการกับกับน้ำที่เสื่อมสภาพ เพื่อให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้
สารประกอบแอมโมเนียเป็นสารประกอบอนินทรีย์ของไนโตรเจน เป็นสารมลพิษที่ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำ มีสาเหตุมาจากการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือนลงสู่แหล่งน้ำ แอมโมเนียจะอยู่ในรูปของแอมโมเนียมไออนเป็นส่วนใหญ่ โดยแอมโมเนียมไอออนเป็นสารอาหารที่สำคัญและจำป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชน้ำ ดังนั้นเมื่อปริมาณแอมโมเนียมไอออนในน้ำสูงขึ้น การเจริญเติบโตของพืชน้ำก็จะสูงขึ้นไปด้วย แอมโมเนียมไอออนยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์หากได้รับเข้าสู่ร่างกาย เช่น หากดื่มน้ำที่มีแอมโมเนียมไอออนปนเปื้อนสามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องรุนแรง เจ็บหน้าอกและอาจชักถึงตายได้ หากสัมผัสกับผิวหนังหรือดวงตาจะทำให้เกิดการระคายเคือง และถ้าหากสูดดมเข้าไปสามารถทำให้เกิดพิษต่อระบบหายใจได้
กระบวนการดูดซับเป็นปรากฏการณ์ที่สารถูกดูดซับในสภาวะที่เป็นของเหลวหรือแก๊ส มาเกาะกับพื้นผิวที่เป็นของแข็งที่เป็นสารดูดซับ ความสามารถในการดูดซับขึ้นอยู่กับชนิดของสารดูดซับและสารถูกดูดซับ คุณสมบัติที่สำคัญของสารดูดซับที่ส่งผลต่อความสามารถในการดูดซับคือ พื้นที่ผิวจำเพาะ ซึ่งการที่พื้นที่ผิวจำเพาะจะขึ้นอยู่กับความพรุนของสารดูดซับนั้นๆด้วย ในขณะที่การทดลองนี้วัสดุดูดซับคาร์บอนกัมมันต์ได้ถูกกระตุ้นให้มีรูพรุนเพื่อใช้ในการดูดซับแอมโมเนียมไอออน ดังนั้นในสภาวะที่เหมาะสมวัสดุดูดซับคาร์บอนกัมมันต์จะแสดงประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อการดูดซับแอมโมเนียมไอออน