ผลิตภัณฑ์ดูดซับกลิ่นแอมโมเนีย
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
นวพร ปฐมเอม, รดา เรืองรองหิรัญญา
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
อรวลัญช์ ผ่องบุรุษ
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ประเทศไทยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาประเทศในหลายๆด้านและมีการเจริญเติบโตในด้านต่างๆอย่างรวดเร็ว อีกทั้งจำนวนประชากรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้มลพิษต่างๆมีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน ดังนั้นการควบคุมมลพิษจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในปัจจุบันปัญหากลิ่นเหม็นได้เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขร่วมกันด้วยปัญหานี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงชุมชนขนาดใหญ่และเป็นปัญหาในหลายๆประเทศ สรุปสถิติเรื่องการร้องเรียนด้านมลพิษย้อนหลัง 3 ปี พบว่าปัญหามลพิษ 3 อันดับแรกที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามาที่กรมควบคุมมลพิษมากที่สุดคือ ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นโดยคิดเป็นร้อยละ 40 จากปัญหาด้านมลพิษทั้งหมดตั้งแต่ปี 2553 จนถึง 2558 จำนวนประชากรที่ได้ร้องเรียนปัญหามลพิษเข้ามายังควบคุมมลพิษเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหามลพิษอันดับ 1 ที่ประชาชนได้ร้องเรียนมามากที่สุดติดต่อกันถึง 5 ปีคือ ปัญหากลิ่นเหม็นแสดงให้เห็นว่า นับวันปัญหานี้จะทวีความรุนแรงและก่อให้เกิดความเดือดร้อน ฉะนั้นปัญหานี้จึงจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน(วิจารย์ สิมาฉายา, 2558)
กลิ่นเกิดจากหลายสาเหตุในอุตสาหกรรมกระบวนการเก็บวัตถุดิบการต้มหรือการอบจะมีไอน้ำที่มีกลิ่นของเอมีนและแอมโมเนีย ตัวอย่างของอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดกลิ่นได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมพลาสติก โรงแก้ว โรงงานปลาป่น เป็นต้น กลิ่นเหม็นมีประมาณ 17,000 ชนิด มนุษย์เราสามารถได้กลิ่นของสารในระดับรับรู้ได้ แม้ว่าความเข้มข้นของสารนั้นยังไม่อยู่ในระดับที่จะก่อให้เกิดผลกระทบ หรืออันตรายต่อสุขภาพ แก๊สแอมโมเนียจัดเป็นแก๊สที่มีบทบาทสำคัญในการทำลายระบบนิเวศและยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์หากสัมผัสแก๊สนี้ในระดับความเข้มข้นสูงๆ ซึ่งประเทศที่มีการปลดปล่อยแก๊สนี้มากที่สุด คือ ประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง จีน รองลงมาคือ สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มลพิษทางกลิ่นเป็นปัญหาเฉพาะที่แต่อาจจะไปไกลได้หลายกิโลเมตร(Jutarut_DPMX, 2557)
ในการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็น ต้องรู้ถึงแหล่งที่มาของกลิ่นนั้น และชนิดของสารที่ทำให้เกิดกลิ่น เพื่อกำจัดที่สาเหตุและป้องกันการแพร่กระจาย โดยการลดปริมาณของกลิ่น อาจทำได้หลายวิธี อาทิเช่น การเจือจางกลิ่นด้วยอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ การใช้วัสดุธรรมชาติดูดซึมหรือดูดซับกลิ่น การใช้สารเคมีมาทำปฏิกิริยาสลายสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น การใช้สารอื่นที่มีกลิ่นหอมอาจมาจากวัสดุธรรมชาติมากลบกลิ่น จากวิธีที่กล่าวมา อาจเป็นวิธีที่ง่ายและใช้งานได้สะดวก แต่ก็อาจไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา เช่น การใช้มะกรูดมากลบกลิ่น การใช้การบูร หากสูดดมในปริมาณมากอาจทำให้ระคายเคืองต่อจมูกและลำคอ กดระบบการหายใจและอาจเกิดการหยุดหายใจชั่วขณะ[1] การใช้สารเคมีมาทำปฏิกิริยาสลายสารที่ทำให้เกิดกลิ่น เป็นวิธีที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และหาสารเคมีได้ยาก การใช้วัสดุดูดซับหรือดูดซึมกลิ่น การใช้ลูกเหม็น เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน แต่ก็มีข้อเสีย คือ ลูกเหม็นจัดเป็นสารก่อมะเร็งและสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ไอระเหิดทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาและผิวหนัง มีผลต่อระบบประสาท ยับยั้งการทำงานของระบบหายใจ[2] ลูกเหม็นต้องอยู่ในบริเวณที่เย็นและแห้งจึงจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เหมาะกับห้องน้ำที่มีความชื้น
จากเหตุผลข้างต้นนี้ คณะผู้จัดทำจึงเลือกใช้เส้นใยจากใบช้าพลู ใบฝรั่ง และเปลือกสับปะรดมาระงับกลิ่นแอมโมเนีย เนื่องจากในพืชเหล่านี้มีเซลลูโลส ซึ่งคาดว่าเป็นเซลลูโลส ที่สามารถการดูดซับกลิ่นแอมโมเนียได้