การปลูกพริกขี้หนูสวน (Capsicum frutescens) ในองศาการปลูกที่แตกต่างกันเพื่อสังเกตการเจริญเติบโตและผลผลิตของพริก

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

กฤษฎิ์ นวลทอง, ศรัณย์ อยู่ร่วมใจ, ศุภกร เล่งเวหาสถิตย์

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์

สุภานันท์ สุจริต, จิโรจน์ แสงรัตนประเสริฐ

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์

ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

พ.ศ. 2566

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

พริกเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยประเทศไทยผลิตพริกประมาณ 322,886 ตัน ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศอินเดีย จากรายงานของกรมศุลกากร ในปี 2565 ประเทศไทยมีการส่งออกพริก (Capsicum spp.) รวม 634,631,073 บาท แต่มีการนำเข้าพริกรวม 899,520,638 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีผลผลิตของพริกไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยหากเพิ่มผลผลิตพริกในพื้นที่ที่จำกัดได้ อาจจะลดการนำเข้าพริกของไทยลงได้ การปลูกพืชหัวกลับ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งเกษตรกรที่เคยทำการปลูกพริกแบบหัวกลับ พบว่าพริกสามารถปลูกได้และให้ผลผลิตที่สูงกว่าการปลูกแบบหัวตั้งปกติ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีงานศึกษาวิจัยที่รองรับว่าการปลูกพริกแบบหัวกลับจะส่งผลให้พริกที่ได้มีผลผลิตสูงขึ้นกว่าการปลูกแบบหัวตั้งปกติ ดังนั้นทางคณะผู้ทำโครงงานจึงสนใจที่จะทำการเปรียบเทียบการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิต ของพริกขี้หนูสวนที่ปลูกแบบหัวกลับกับกลุ่มที่ปลูกแบบหัวตั้งปกติ ในการศึกษานี้จะทดลองปลูกพริกแบบหัวกลับและหัวตั้งปกติ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลด้านการเจริญเติบโต ได้แก่ ความสูงและเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นพริก น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของต้นพริก น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของราก รวมถึงจำนวน ความยาว และขนาดของใบ และเปรียบเทียบข้อมูลด้านผลผลิต ได้แก่ จำนวนดอกที่ออกต่อต้น รวมถึงจำนวน ขนาด น้ำหนักสด และน้ำหนักแห้งของผลพริกที่ออกต่อต้น รวมถึงวัดปริมาณคลอโรฟิลล์เปรียบเทียบทั้งสองกลุ่มการทดลองอีกด้วย ข้อมูลและผลการศึกษาอาจเป็นข้อแนะนำให้แก่เกษตรกร หรือผู้สนใจปลูกพริกรับประทานในครัวเรือน ซึ่งอาจช่วยลดการนำเข้าพริกลงได้