โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องการศึกษาปุ๋ยหมักจากวัสดุป้องกันการบอบช้ำ (ผักตบชวา)

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
  • กนกพรรณ ศักดิ์สุริยา

  • กิตติศักดิ์ จิตต์โถรี

  • ธาตรี อัศวกิติพงษ์

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
  • เพ็ญศรี ศรีบุญชู

  • ไพรัตน์ ฤทัยประเสริฐศรี

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนพะเยาพิทยาคม

รางวัลการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์

ม.ปลาย ชนะการประกวดรางวัลที่ 1 กำหนดหัวข้อ ภาคเหนือ

การตีพิมพ์ผลงาน

วารสารบทคัดย่อการศึกษาวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี 2540 8(23) p79

คำสำคัญ (keywords) ของโครงงาน
  • ปุ๋ยหมัก

  • ผักตบชวา

ประเภทโครงงานวิทยาศาสตร์

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

ลำดับที่ คง ป250/2539 โครงงานวิทยาศาสตร์นี้ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของการนำผักตบชวามาใช้แทนวัสดุป้องกันการบอบช้ำประเภทโฟม เพื่อลดปริมาณการใช้โฟม และนำมาเป็นปุ๋ยหมักหลังจากใช้ป้องกันการบอบช้ำเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นการเสนอรูปแบบการลดปริมาณผักตบชวาในกว๊านพะเยาที่ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ สร้างรายได้เสริมให้ชาวบ้านท้องถิ่นและเพิ่มคุณภาพให้กับดิน ผลจากการศึกษาและพัฒนาสมบัติทางกายภาพของผักตบชวา ในเรื่องเกี่ยวกับ การเกิดเชื้อราในผักตบชวา การรักษาสภาพเดิมของผักตบชวา อุณหภูมิในบรรจุภัณฑ์ของวัสดุประเภทผักตบชวาและโฟม การเปรียบเทียบคุณภาพในการใช้งานระหว่างผักตบชวากับโฟม และการเปรียบเทียบความยืดหยุ่น ระหว่างวัสดุแบบโฟม และแบบผักตบชวานั้น นับว่าผลของการใช้ผักตบชวาป้องกันการบอบช้ำแทนโฟมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นได้ผลอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบภาชนะบรรจุให้เหมาะสมกับชนิดของผลไม้ด้วย และผักตบชวาก็เป็นวัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ง่าย ซึ่งเมื่อใช้ป้องกันการบอบช้ำของผลไม้แล้ว ยังสามารถจะนำมาทำเป็นปุ๋ยหมักได้ จากผลศึกษาและพัฒนาการทำปุ๋ยหมักในเรื่อง การวิเคราะห์หาอินทรีย์วัตถุ ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมในปุ๋ยหมัก การหาน้ำหนักก่อนและหลังหมักพร้อมทั้งเวลาที่ใช้ในการหมักจนสามารถนำมาใช้ได้ ทำให้ทราบว่าปุ๋ยหมักที่ทำจากผักตบชวาไม่ได้ด้อยไปกว่าปุ๋ยหมักอื่น ๆ และที่สำคัญปุ๋ยหมักที่ทำจากผักตบชวานั้นกลับมีธาตุกำมะถันอยู่ด้วย ซึ่งได้มาจากการอบกำมะถันก่อนนำมาทำวัสดุป้องกันการบอบช้ำแล้ว จึงทำให้ปุ๋ยหมักนี้มีจุดเด่นกว่าปุ๋ยหมักอื่นเพราะมีธาตุกำมะถันอยู่อย่างเพียงพอและมีธาตุฟอสฟอรัสที่มีปริมาณเด่นกว่าปุ๋ยหมักชนิดอื่น ทำให้เหมาะที่จะใช้กับลำไยซึ่งเป็นผลไม้ที่ปลูกมากของจังหวัดพะเยา และทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงขึ้นอีกด้วย