โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องกระถางคะปิลลารี่

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
  • บังอร นกเนตรพันธุ์

  • พิเชษฐ์ จิระวัฒนะศักดา

  • รุ่งรัตน์ เที่ยงบุญ

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
  • วัลยา เลิศวิสุทธิไพบูลย์

  • สุภา พงษ์ชีพ

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนฤทธิณรงค์รอน

รางวัลการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์

ม.ปลาย ชนะการประกวดรางวัลที่ 2 ทั่วไป ภาคกลาง

การตีพิมพ์ผลงาน

วารสารบทคัดย่อการศึกษาวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี 2534 4(10) p59

คำสำคัญ (keywords) ของโครงงาน
  • กระถางคะปิลลารี่ สำหรับปลูกต้นไม้

  • กระถางต้นไม้ กระถางคะปิลลารี่

ประเภทโครงงานวิทยาศาสตร์

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

กระถางคะปิลลารี่เป็นกระถางสำหรับปลูกต้นไม้ซึ่งแตกต่างจากกระถางแบบธรรมดาโดยทั่วไป กระถางคะปิลลารี่ประดิษฐ์และออกแบบโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ ตัวกระถาง และจานรองกระถาง ตัวกระถางใช้สำหรับใส่ดินและปลูกต้นไม้ จานรองกระถางใช้สำหรับใส่น้ำเก็บไว้ให้พืชนำไปใช้และรองก้นกระถางเพื่อกันไม่ให้น้ำรั่วลงเปียกพื้น ตัวกระถางและจานรองจะสวมต่อกันสนิทป้องกันการระเหยของน้ำและป้องกันไม่ให้ยุงมาวางไข่ในจานรองกระถางเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ตัวกระถางถูกออกแบบให้มีวัสดุดูดซับทำหน้าที่ดูดซึมน้ำจากจานรองกระถางขึ้นไปสู่ดินในตัวกระถางและพืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ การให้น้ำต้นไม้ในกระถางคะปิลลารี่นี้จึงไม่ต้องใช้วิธีการรดโดยตรงเหมือนกับกระถางแบบธรรมดาเพียงเติมน้ำลงในจานรองกระถางครั้งหนึ่งพืชจะค่อย ๆ ดูดซึมไปใช้ได้หลายวัน การให้น้ำต้นไม้โดยวิธีการนี้จะช่วยลดปัญหาดินอัดตัวกันแน่นเนื่องจากการรดน้ำโดยตรงน้ำหนักน้ำจะกดทับดินนานวันเข้าเม็ดดินจะอัดตัวกันแน่น ช่วยขจัดปัญหาน้ำกระเซ็นพื้นสกปรกเปียกแฉะ ช่วยประหยัดเวลาในการให้น้ำต้นไม้เพราะไม่ต้องให้น้ำต้นไม้บ่อย ๆ ต้นไม้จะเขียวสดและเจริญเติบโตดีเนื่องจากดินร่วนซุยไม่อัดตัวกันแน่นและรากพืชสามารถดูดซึมน้ำมาหล่อเลี้ยงลำต้นได้ตลอดเวลาที่ต้องการ กระถางคะปิลลารี่จึงเหมาะสำหรับที่จะนำมาใช้ในการปลูกต้นไม้ประดับในอาคาร บ้านเรือน สถานที่ทั่วไปที่อยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ผู้คนแออัด การปลูกต้นไม้ลงพื้นดินโดยตรงทำได้ยากเนื่องจากเนื้อที่จำกัด เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้รับความสดชื่น มีชีวิตชีวา เป็นที่พักสายตาเมื่อได้เห็นเป็นการนำธรรมชาติคืนสู่สังคมมนุษย์ซึ่งนับวันเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ทำให้มนุษย์เราห่างไกลธรรมชาติมากขึ้นทุกที ซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะของสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงไปทั่วโลก