๑.๓ ข้อสังเกตและความเห็นผู้สรุป
การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยควรคำนึงถึงความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง กล่าวโดยสรุปคือ การพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยในอดีตเน้นการสร้างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จนขาดความสมดุลและมีความเสี่ยงสูง และธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กก็มิได้มีความมั่นคงเพียงพอ
ความรอบคอบและสติปัญญาในการวางนโยบายส่งเสริมตลอดจนการบริการเครือข่ายธุรกิจและสังคม จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอดที่ยั่งยืน
การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันและภูมิคุ้มกันสามารถทำได้โดย
การปฏิรูประบบการเงินและสถาบันการเงิน รวมถึงมาตรการปฏิรูปและกำกับสถาบันการเงิน
เร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขัน และนโยบายเพิ่มสมรรถนะการแข่งขันของอุตสาหกรรม
บรรษัทภิบาล (Corporate governance)
ปฏิรูประบบส่งเสริมการลงทุน เร่งให้เกิดบรรยากาศการลงทุน เร่งพัฒนาทรัพยากรเมือง
การสร้าง Social safety net ที่เชื่อมโยงถึงแง่มุมด้านสุขภาพและความยากจน
ผู้เขียนมุ่งวิเคราะห์โครงสร้างอุตสาหกรรมของไทยในอดีตในช่วง ๕๐ ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เห็นภาพของการพัฒนาของอุตสาหกรรมสิ่งที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจพอเพียงคือการสร้างภูมิคุ้มกันความเสี่ยง ทั้งนี้เพราะความชะล่าใจว่าเศรษฐกิจจะมีแต่ขาขึ้น ทำให้ไม่รอบคอบและขาดการระมัดระวังเท่าที่ควรในการประยุกต์ใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ (Implementing risk reduction tools)
เนื่องจากความหลากหลายของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การประยุกต์แนวคิดเรื่องทฤษฎีความพอเพียงควรมีความยืดหยุ่นพอสมควร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างของแต่ละท้องถิ่นและแต่ละประเภทของอุตสาหกรรม