ผญาคำสอน : ให้ขยันหมั่นเพียรไม่เกียจคร้าน

เงินคำแก้ว บ่แม่นของใผผู้ใดมีใจเพียร หากสิหลวงหลอนผ้อ
[เงินคำแก้ว บ่อแม่นของไผผู้ใดมีใจเพียร หากสิหลงหลอนผ้อ]

ผญาที่ว่า เงินคำแก้ว บ่แม่นของใผ [เงินคำแก้ว บ่อแม่นของไผ] แปลว่า แก้วแหวนเงินทองไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของตลอดไป

เงิน หมายถึง ทรัพย์สมบัติ

คำ แปลว่า ทองคำ

แก้ว หมายถึง อัญมณีทั้งหลาย

ในสำนวนอีสานมักจะพูดเป็นคำรวมกันว่า เงินคำแก้ว ผญาที่ว่า ผู้ใดมีใจเพียร หากสิหลวงหลอนผ้อ [ผู้ใดมีใจเพียร หากสิ หลงหลอนผ้อ] แปลว่า ถ้าใครตั้งใจขยันหมั่นเพียร ก็มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ แก้วแหวนเงินทองเหล่านี้

เพียร แปลว่า ขยันหมั่นเพียร

หลงหลอน แปลว่า อาจจะ

ผ้อ แปลว่า พบ

หลงหลอนผ้อ แปลว่า อาจจะมีโอกาสได้พบได้เจอได้เป็นเจ้าของ ดังนั้น คำผญาที่ว่า เงินคำแก้ว บ่แม่นของใผ ผู้ใดมีใจเพียร หากสิ หลวงหลอนผ้อ [เงินคำแก้ว บ่อแม่นของไผ ผู้ใดมีใจเพียร หากสิหลงหลอนผ้อ] หมายความว่า ทรัพย์สินเงินทองแก้วแหวนที่มีอยู่ในโลกนี้ มิใช่สมบัติของใคร คนใดคนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าใครขยันทำมาหากิน ไม่ขี้เกียจ ก็หามาเป็นเจ้าของได้ ครั้นหามาได้แล้ว ให้รู้จักกินรู้จักใช้ ไม่สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยรู้จักเก็บก็จะเป็นคน มีเงินมีทอง แต่ถ้าหามาได้แล้ว ได้มาเท่าไรกินหมดใช้หมด ก็จะทุกข์ยากลำบาก เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวอีสานจึงมักสอนลูกหลานให้ตั้งหน้าตั้งตาทำมา

หากินไปอยู่ที่ไหนก็ให้ทำงานอย่าขี้เกียจ อย่าเลือกงาน เมื่อได้เงินมาแล้ว ให้รู้จัก ประหยัด ต่อไปภายหน้าก็จะมีความสุขความสบายไม่เดือดร้อน

(นายเกษียร มะปะโม)