เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้ / รอบคอบ / ระมัดระวัง)
...อย่าทะนงตัวว่าวิเศษกว่าผู้อื่น อย่าอวดเก่งเกินไป จะทำการ สิ่งใดจงไตร่ตรองให้รอบคอบ.."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : ๕ กรกฎาคม ๒๕๐๕)
"...เราจึงต้องการนักวิชาการทุกๆ สาขา เพื่อที่จะมาวางโครงการที่ รอบคอบและแก้ไขสิ่งที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายนั้น ช่วยกันให้ ความรู้ความคิดที่ถูกต้องตามหลักวิชาแก่ราษฎร แนะนำวิธีการทำงาน อาชีพ ให้รู้จักแก้ไขอุปสรรคขัดข้อง หรือเปลี่ยนการงานให้เหมาะสม เป็นประโยชน์ดีกว่าเก่า ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายจะได้ พิจารณา...และบำเพ็ญตนเป็นนักวิชาการที่ดี เป็นนักปฏิบัติที่สามารถ ใช้วิชาความรู้พร้อมทั้งความคิดสติปัญญา ให้ประโยชน์เกื้อกูลประชาชน และประเทศชาติโดยตรงแท้จริง..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๒)
"...ปัจจุบันนี้มีทฤษฎีเกิดขึ้นใหม่ว่า การล้มเลิกและทำลายสิ่งที่มี มาแต่ก่อนเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ด้วยวิธีการรุนแรง เป็นการแสดงปัญญา เป็นการสร้างสรรค์ของผู้มีการศึกษาสูง ทฤษฎีนี้เกิดในต่างประเทศและ มีอิทธิพลกว้างขวางมิใช่น้อย จึงเป็นที่น่าสนใจและน่าหยิบยกขึ้นพิจารณา อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ทราบถึงส่วนดีส่วนเสียของทฤษฎี..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : ๑๗ สิงหาคม ๒๕๑๕)
"...การให้การศึกษาที่สมบูรณ์มิใช่ของง่ายเพราะเป็นงานที่ละเอียด ซับซ้อนและกว้างขวางมาก จะต้องใช้ความรอบรู้ ความสังเกตจดจำ และความฉลาดรอบคอบอย่างมาก ทั้งต้องมีความเสียสละ อดทน มีความเพียรอย่างแรงกล้าด้วยจึงจะกระทำให้สำเร็จได้..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยวิชาการศึกษา : ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๕)
"...ความสำเร็จทั้งสิ้นเกิดขึ้นได้ เพราะการลงมือกระทำ ดังนั้น ผู้ที่ ชำนิชำนาญทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ จึงจัดว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน และมีขีดความสามารถสูง เป็นที่เชื่อใจและวางใจได้ว่าจะดำเนินงาน ทั้งปวงอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถทำงาน สั่งงาน และสั่งคนได้ อย่างถูกต้องแท้จริง..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า : ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๗)
"...บุคคลจำต้องควบคุมตัวมิให้ติดอยู่กับตำราหรือทฤษฎีมาก เกินไป เพราะมิฉะนั้น เมื่อไปพบข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงาน ซึ่งไม่ตรง หรือไม่สอดคล้องกับตำราเข้า จะเกิดความสนเท่ห์ลังเลใจ ทำให้งานที่ กำลังทำอยู่หยุดชะงัก หรือไม่ก็จะไปคว้าเอาความคิดที่ไม่ถูกต้อง ทั้งทาง ทฤษฎีทั้งทางปฏิบัติ มาใช้ทำงานอย่างผิดๆ ทั้งสองอย่างนี้ เป็นโทษ เสียหายแก่งานแก่ตน และแก่ส่วนรวมอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น เมื่อเผชิญ ปัญหาความขัดกันระหว่างทฤษฎีและปฏิบัติเข้า ควรจะต้องดำเนินงาน ในส่วนที่เห็นว่าถูกต้องต่อไป ไม่ให้ชะงัก..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๘)
...แต่คนที่มีการศึกษา ที่เรียกว่าเป็นผู้มีปัญญา ควรจะสามารถ วินิจฉัยได้ว่าแก้ไขอะไรอย่างไร ข้อสำคัญควรจะต้องรอบคอบและ ระมัดระวัง ที่จะพิจารณาเรื่องต่างๆ ให้กระจ่างแจ้งทุกแง่ทุกมุม แล้วจัดการให้ถูกจุด ถูกขั้นตอน ถูกเหตุผล ข้อที่พึงระมัดระวังคือ การแก้ปัญหาโดยรีบเร่งด่วน.."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ : ๒๘ สิงหาคม ๒๕๑๘)
"…การทำงานใดก็ตาม แต่ละคนควรจะศึกษางานและสภาพทั่วไป ให้ทั่วถึงก่อน เพื่อจะได้ทราบว่าจะร่วมงานนั้นๆ อย่างไร เพราะโดยทั่วไป สภาพการณ์และอุปกรณ์ต่างๆ มักไม่เหมือนที่คาดหมายไว้จะต้องทราบว่า สภาพของผู้ทำงานในระยะศึกษากับผู้ทำงานในระยะปฏิบัติงานจริงๆ ย่อมแตกต่างกัน จำเป็นต้องใช้ไหวพริบดัดแปลงตัวเองให้เข้ากับสภาพ ในปัจจุบัน.…"
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น : ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙)
"...โครงการพัฒนาต่างๆ ตั้งขึ้นเพื่อปรับปรุงดัดแปลงสิ่งที่มีอยู่แล้ว คือทรัพยากรตามธรรมชาติให้เกิดผลเป็นประโยชน์แก่ประเทศและ ประชาชนส่วนรวมให้ได้มากที่สุด ในทางปฏิบัตินั้น นอกจากจะได้ผล ส่วนใหญ่ หรือส่วนรวม ตามจุดประสงค์แล้ว บางทีก็อาจทำให้มีการ เสียหายในบางส่วนได้บ้าง เพื่อที่จะให้โครงการมีผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย จำเป็นต้องพิจารณาจัดตั้งโดยรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วน ให้ทราบว่า ผลที่เกิดจากโครงการนั้นจะมีขอบเขตต่อเนื่องไปเพียงใดและมีผลดีผลเสีย ประการใดที่จุดใดบ้าง จักได้สามารถวางแผนงานให้สอดคล้องต้องกัน ทุกส่วนทุกขั้น เพื่อแก้ไขส่วนที่จะเสียหายให้กลับเป็นดี ให้โครงการ ได้ประโยชน์มากที่สุด..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๙)
"...งานใหญ่ๆ ระดับชาตินั้น ไม่ว่าเป็นด้านใดสาขาใด ย่อมจ เกี่ยวโยงถึงกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะเกี่ยวพันถึงเศรษฐกิจตัว ทุกสาขาผู้ทำงานอย่างนี้ นอกจากจะต้องมีหลักวิชา เทคนิค และควาย ชำนิชำนาญในการลงมือปฏิบัติเป็นพื้นฐานแล้ว ยังต้องมีความรอบ; ในวิชาการทั่วไป ต้องมีความสามารถในทางมนุษยสัมพันธ์และต้องร์ ความเฉลียวฉลาดในหลักการและระบบวิธีปฏิบัติงาน เป็นส่วนประกอบ อุดหนุนด้วย จึงจะสามารถนำหลักวิชา ความรอบรู้ และความสามารถ ในด้านต่างๆ มาประกอบกัน และใช้ให้สอดคล้องพอเหมาะพอดีกัน ให้เป็นผลดีได้..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ : ๒๖ สิงหาคม ๒๕๑๙)
"...ความเคร่งครัดหมายถึงความระมัดระวังมั่นคง ที่จะปฏิบัติการ ให้เที่ยงตรงครบถ้วน ตามแบบแผนและหลักเกณฑ์ที่ได้วางไว้ แบบแผน และหลักเกณฑ์นั้น ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นพื้นฐาน และเหตุผลที่จะทำให้ พื้นฐานมั่นคงไม่สั่นสะเทือนได้ ก็ต้องเป็นเหตุผลความจริงแท้ ที่ได้ พิสูจน์เห็นจริงแล้วด้วยความละเอียดรอบคอบ ปราศจากความลำเอียง และความหลงผิดตามอารมณ์…"
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๐)
"...นักวิชาการผู้รู้หลักวิชาในศาสตร์ต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยในการ พัฒนาความเจริญทุกๆ ด้านนั้นมีอยู่ในบ้านเมืองเรามากพอสมควร นักวิชาการเหล่านี้จึงเป็นที่หวังของประชาชนว่า จะเป็นผู้ที่รับเอาภาระ เรื่องการพัฒนาประเทศไปช่วยกันทำ ให้ประเทศไทยของเรานี้ "เป็นอยู่" พร้อมทั้ง "วิวัฒนา" ไปได้เป็นอย่างดี การพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว จะสัมฤทธิ์ผลเพียงใดหรือไม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและ วิธีการทำงานของนักวิชาการเป็นสำคัญ ในทัศนะของคนทั่วไป คงจะ วาดภาพ และหวังกันว่า นักวิชาการจะทำงานด้วยความหวังดีและบริสุทธิ์ใจ ต่องาน ต่อส่วนรวม ต่อชาติบ้านเมือง และต่อกันและกันด้วย ยิ่งกว่านั้น นอกจากมีความหวังดีและบริสุทธิ์ใจดังกล่าวแล้ว คงจะมีความสุขุม รอบคอบและระวังสังวร ในการที่จะไม่ปล่อยให้ติดอยู่กับทฤษฎี ของตนเองมากเกินไป ด้วยอำนาจอคติ ความหลง ความเอาชนะ และ ความเห็นแก่ตัว จนมองข้ามความจริงความถูกต้องไปหมด เพราะการทำ เช่นนั้นไม่อาจทำให้งานดำเนินไปในทางถูกทางเจริญได้..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ : ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๒๐)
"...ฉะนั้นการที่จะทำโครงการอะไร จะต้องทำด้วยความรอบคอบ และอย่าตาโตเกินไป. คือบางคนเห็นว่ามีโอกาสที่จะทำโครงการอย่างโน้น อย่างนี้ และไม่ได้นึกถึงว่าปัจจัยต่างๆ ไม่ครบ. ปัจจัยหนึ่งคือขนาดของ โรงงาน หรือเครื่องจักรที่สามารถที่จะปฏิบัติได้. แต่ข้อสำคัญที่สุดคือ วัตถุดิบ. ถ้าไม่สามารถที่จะให้ค่าตอบแทนวัตถุดิบแก่เกษตรกรเกษตรกร ก็จะไม่ผลิต. ยิ่งถ้าวัตถุดิบสำหรับใช้ในโรงงานนั้น เป็นวัตถุดิบที่ต้อง นำมาจากระยะไกลหรือนำเข้าก็จะยิ่งยาก เพราะว่าวัตถุดิบที่นำเข้านั้น ราคายิ่งแพง. บางปีวัตถุดิบนั้นมีบริบูรณ์ ราคาอาจจะต่ำลงมา แต่เวลา จะขายสิ่งของที่ผลิตจากโรงงาน ก็ขายยากเหมือนกัน เพราะว่ามีมาก จึงทำให้ราคาตก. นี่ก็เป็นกฎเกณฑ์ที่ต้องมี..."
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๐)
"...ที่เกิดมีวิกฤตการณ์ขึ้นมา ก็เพราะว่าขยายการผลิตมากเกินไป และไม่มีใครซื้อ เพราะไม่มีใครมีเงินพอที่จะซื้อ. ต้องถอยหลังเข้าคลอง จะต้องอยู่อย่างระมัดระวัง และต้องกลับไปทำกิจการที่อาจจะไม่ค่อย ซับซ้อนนัก คือใช้เครื่องมืออะไรที่ไม่หรูหรา. แต่ก็อย่างไรก็ตาม มีความ จำเป็นที่จะต้องถอยหลังเพื่อที่จะก้าวหน้าต่อไป. ถ้าไม่ทำอย่างที่ว่านี้ ก็จะแก้ไขวิกฤตการณ์นี้ยาก..."
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐)