การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จากกากเบียร์ โดยใช้กากน้ำตาลและแป้งมันสำปะหลังเป็นตัวประสาน
- ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
จีรภัทร ศรีจำพลัง, ขวัญชนก โพธิ์ศรี
- อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
สุรจิตา เศรษฐภักดี
- โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์
- ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์
บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์
โครงงาน การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จากกากเบียร์ โดยใช้กากน้ำตาลและแป้งมันสำปะหลังเป็นตัวประสาน ผู้จัดทำ นางสาวจีรภัทร ศรีจำพลัง นางสาวขวัญชนก โพธิ์ศรี ครูที่ปรึกษา คุณครูสุรจิตา เศรษฐภักดี จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาอัตราส่วนที่เหมาะสมของกากเบียร์ต่อตัวประสาน และตัวประสานทำให้เชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งมีประสิทธฺภาพดีที่สุด เพื่อให้ได้แหล่งพลังงานทดแทนชีวมวลชนิดใหม่มาเพิ่มกำลังผลิตในประเทศและลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศที่จะต้องใช้ต้นทุนสูง ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งได้จริงในภาคอุตสาหกรรม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในครัวเรือนได้
ชีวมวล (Biomass) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งมีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายและมีจำนวนมากที่สามารถนำมาใช้ให้อยู่ในรูปของพลังงานชีวมวลสามารถนำมาผลิตพลังงานเชื้อเพลิงได้ วัตถุดิบเหล่านี้จะถูกนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้แล้วนำความร้อนที่ได้ไปใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้า หรือนำมาผลิตก๊าซชีวภาพได้
กากเบียร์ (Beers Dried Grains) คือ ชีวมวลจากภาคอุตสาหกรรม เป็นผลผลิตที่สำคัญที่ได้จากกระบวนการผลิตเบียร์ เป็นส่วนที่เหลือจาการสกัดแป้งและน้ำตาลซึ่งส่วนใหญ่ได้จากการสกัดข้าวมอลท์โดยขบวนการที่ทำให้ธัญพืชเริ่มงอกแล้วเติมน้ำย่อย (เอนไซม์) เพื่อไปย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล (Malting process) และส่วนที่เหลือจากกระบวนการนี้โดยส่วนมากแล้วถือว่าเป็นของเสีย แต่เป็นการยากสำหรับลดความชื้นหรือทำให้กากเบียร์อยู่ในสภาพแห้งเพื่อสะดวกและง่ายในการเก็บรักษาและการนำไปใช้ ซึ่งในปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์นั้นมีการขยายตัวมากขึ้น จึงเป็นที่แน่นอนว่าจะต้องมีผลผลิตที่เป็นกากเบียร์ออกมามากเช่นกัน
ดังนั้น จึงได้มีการคิดค้นพลังงานทดแทนโดยใช้ชีวมวลที่มีประสิทธิภาพ แต่ใช้เงินทุนไม่มากนัก เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล และเป็นพลังงานที่จะช่วยแก้ปัญหาการกำจัดขยะและของเหลือใช้ที่เกิดขึ้นภาคอุตสาหกรรม ปัญหาการเผาทำลายที่ก่อให้เกิดมลพิษ และปัญหาการฝังกลบที่นานกว่าจะย่อยสลาย ซึ่งจะมีศักยภาพและมีปริมาณมากพอที่จะเป็นพลังงานทดแทนของประเทศร่วมกับแหล่งชีวมวลอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นพลังงานที่สะอาด ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยและยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย