ความสัมพันธ์ของประสิทธิภาพการกำจัดกลิ่นบูดู และปริมาณแทนนินจากเปลือกทุเรียน

ชื่อนักเรียนผู้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

อิรฮาม เล็งนู, อามีเราะห์ หะยีมะมิง, จีรวัฒน์ ราฮามัน

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์

มูฮัมหมัดริฎวาน สมานุรัตน์

โรงเรียนที่กำกับดูแลโครงงานวิทยาศาสตร์

โรงเรียนศาสนศึกษา

ปีที่จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์

พ.ศ. 2561

บทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์

“บูดู”เป็นอาหารที่อยู่ในสำรับแทบทุกบ้าน บูดูเป็นอาหารที่เกิดจากการหมักของปลาและเกลือ มีรสชาติอร่อยจากกรดกลูตามิก แต่กระนั้นก็ตาม บูดูเป็นอาหารที่มีกลิ่น กลิ่นของบูดูมาจากกลิ่นของโปรตีน ไขมัน และแอมโมเนีย เมื่อรับประทานแล้ว กลิ่นอาจจะติดมือ ติดปากเป็นที่น่ารังเกียจหากต้องเข้าสังคม เช่นไปมัสยิด ไปตลาด หรือ พูดคุย

เมื่อรับประทานทุเรียนหรือบูดู แล้วมีกลิ่นติดมือ สามารถนำเปลือกทุเรียน แช่น้ำ และนำน้ำมาล้างมือ จะสามารถกำจัดกลิ่นได้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากว่าเหตุใดเปลือกผลไม้กลิ่นแรงสามารถกำจัดกลิ่นเหม็นได้

โครงงานวิทยาศาสตร์นี้ ได้จัดทำขึ้นเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นบูดู และปริมาณสารแทนนินจากการตกตะกอนไข่ขาวการแช่เปลือกทุเรียน มีสองวิธี วิธีแรกคือ การแช่ในน้ำ ตามวิธีภูมิปัญญาท้องถิ่น และอีกวิธีเป็นวิธีการสกัดแทนนินอย่างง่ายด้วยการนำน้ำแช่ไปผ่านความร้อนที่ไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส (อาฟานดี และคณะ, 2559) ผลการทดลองพบว่า ประสิทธิภาพการกำจัดกลิ่นพบว่า น้ำแช่เปลือกทุเรียนมีความพึงพอใจที่ 4.1 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และน้ำแช่เปลือกทุเรียนที่ผ่านความร้อนมีความพึงพอใจที่ 4.7 อยู่ในเกณฑ์ดี และเมื่อนำน้ำแช่ทุเรียนทั้งสองวิธีไปตกตะกอนไข่ขาว พบว่าตะกอนไข่ขาวจากน้ำแช่เปลือกทุเรียนให้ตะกอนเฉลี่ย 20.66 กรัม น้ำแช่เปลือกทุเรียนที่ให้ความร้อนไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส ให้ตะกอนเฉลี่ย 32.4 กรัม

ซึ่งแสดงผลว่า น้ำแช่เปลือกทุเรียนที่ผ่านความร้อนมีความสามารถในการกำจัดกลิ่นที่ดีกว่าน้ำแช่เปลือกทุเรียน และมีน้ำหนักตะกอนแทนนินมากกว่าเช่นกัน แสดงความสัมพันธ์ของประสิทธิภาพการกำจัดกลิ่นนั้นแปรผันตรงกับปริมาณแทนนิน