คำสนธิ

  • คำสนธิ คือ คำที่มาจากภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต นำมาเขียนเรียงเชื่อมคำกัน ทำให้เกิดเป็นคำใหม่ ที่มีความกลมกลืนของเสียง และแปลความหมายจากคำหลังไปคำหน้า การเชื่อมคำในคำสนธิเป็นที่มาของการจำคำสนธิว่า “สนธิเชื่อม”

ชนิดของคำสนธิ

  • การเชื่อมคำ 2 คำ ในคำสนธิทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่ายและเป็นระบบ ครูสรจะจำแนกให้เห็นชัด ๆ กันไปเลย โดยแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้

สระสนธิ

  • คำสนธิที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเสียงสระระหว่างคำที่เชื่อมต่อกัน เป็นการกลมกลืนคำด้วยเสียงสระ เราเรียกว่า “สระสนธิ”

  • สระสนธิ ทำได้หลายลักษณะด้วยกัน เช่น ตัดสระพยางค์คำหน้า และใช้สระพยางค์คำหลังแทน แล้วรวบคำกลายเป็นคำใหม่ ตัดสระพยางค์หลังของคำหน้า และใช้สระพยางค์หน้าของคำหลัง โดยให้เปลี่ยนสระพยางค์หน้าของคำหลัง

  • อีกวิธีหนึ่งคือการเปลี่ยนสระพยางค์หลังของคำหน้าเป็นพยัญชนะไปเลยก็ได้

  • ตัวอย่างคำสนธิที่มาจากสระสนธิในลักษณะต่าง ๆ กัน ดังนี้

    • ให้ตัดสระพยางค์หน้า และใช้สระพยางค์หลัง

      • วิทย + อาลัย = วิทยาลัย

      • ภักษ + อาหาร = ภักษาหาร

      • ธน + คาร = ธนาคาร

      • สุร + อาลัย = สุราลัย

    • ให้ตัดสระพยางค์หลังของคำหน้า และใช้สระพยางค์หน้าของคำหลัง โดยการเปลี่ยนสระพยางค์หน้าของคำหลัง มีหลักเกณฑ์ดังนี้

      • เดิมเป็นสระอะ ให้เปลี่ยนเป็น สระอา

      • เดิมเป็นสระอิ ให้เปลี่ยนเป็น สระเอ

      • เดิมเป็นสระอุ ให้เปลี่ยนเป็น สระโอ หรือสระอู

      • ตัวอย่าง

        • พุทธ + อังกูร = พุทธางกูร

        • ปรม + อินทร์ = ปรเมนทร์

        • มหา + อิสิ = มเหสี

        • นย + อุบาย = นโยบาย

    • ให้เปลี่ยนสระพยางค์หลังของคำหน้าเป็นพยัญชนะ ก่อนนำไปสนธิ โดยมีวิธีเปลี่ยนดังนี้

      • พยางค์หลังของคำหน้าประสมด้วยสระ อิ อี ให้เปลี่ยนเป็น พยัญชนะเป็น “ย”

      • พยางค์หลังของคำหน้าประสมด้วยสระ อุ อู ให้เปลี่ยนเป็น พยัญชนะเป็น “ว”

      • ตัวอย่าง

        • กิตติ + อากร = กิตยากร

        • สิริ + อากร = สิรยากร

        • รังสี + โอภาส = รังสิโยภาส

        • ธนู + อาคม = ธันวาคม

    • คำยกเว้นบางคำ ที่ตัดสระ อี ออกไป โดยไม่ต้องเปลี่ยน สระอี เป็น “ย” เช่น

      • หัตถี + อาจารย์ = หัตถาจารย์

      • ราชินี + อนุสรณ์ = ราชินานุสรณ์

พยัญชนะสนธิ

  • คำสนธิที่เกิดจากการกลมกลืนของเสียงระหว่างพยัญชนะกับพยัญชนะ ที่ใช้ในภาษาไทย มีพยัญชนะในภาษาไทยที่ใช้ คือ “ส” วิธีใช้มี 2 ลักษณะ ดังนี้

  • ตัด “ส” ทิ้ง และให้ใส่สระโอ แทน

  • เปลี่ยน “ส” เป็น “ร”

  • ตัวอย่าง

    • มนส + มย = มโนมัย

    • ยสฺ + ธร = ยโสธร

    • นิสฺ+ ภย = นิรภัย

    • นิสฺ+ ทุกข์ = นิรทุกข์

    • ทุสฺ + ชน = ทุรชน

    • พรหมน +ชาติ = พรหมชาติ

    • รหัส + ฐาน = รโหฐาน

    • มนัส + ทัศน์= มโนทัศน์

นฤคหิตสนธิ

  • คำสนธิที่เกิดจากการ นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะ วิธีการเขียนง่ายมาก เพียงเปลี่ยน นฤคหิตเป็นพยัญชนะท้ายวรรคนั้น ๆ แยกพยัญชนะออกเป็น 6 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วยพยัญชนะ ก ข ค ฆ ง ในภาษาบาลีเรียกว่าวรรค กะ และ พยัญชนะ ย ร ล ว ส ศ ษ ห ฬ ในภาษาบาลี เรียกว่าเศษวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น ง สำหรับภาษาบาลีครูสรจะมาเล่าให้ฟังในวันหลังนะคะว่าเป็นอย่างไร วันนี้มาดูตัวอย่างคำในกลุ่มที่ 1 กันก่อนค่ะ

  • สํ + เกต = สังเกต

  • สํ + หาร = สังหาร

  • สํ + วร = สังวร

  • สํ + กรานต์ = สงกรานต์

  • สํ + คม = สังคม

  • สํ + ขาร = สังขาร

  • สํ + โยค = สังโยค

  • สํ + สาร = สงสาร

กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วยพยัญชนะ จ ฉ ช ฌ ญ ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น “ญ”

  • สํ + ญา = สัญญา

  • สํ + ญาณ = สัญญาณ

  • สํ + ชาติ = สัญชาติ

  • สํ + จร = สัญจร

กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วยพยัญชนะ ฎ ฐ ฑ ฒ ณ ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น “ณ”

  • สํ + ฐาน = สัณฐาน

กลุ่มที่ 4 ประกอบด้วยพยัญชนะ ต ถ ท ธ น ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น “น”

สํ + ตาป = สันดาป สํ + โดษ = สันโดษ สํ + ธาน = สันธาน

กลุ่มที่ 5 ประกอบด้วยพยัญชนะ ป ผ พ ภ ม ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น “ม”

สํ + ภาษณ์ = สัมภาษณ์ สํ + มติ = สมมติ สํ + พันธ์ = สัมพันธ์

กลุ่มที่ 6 เป็นกลุ่มที่มีคำพยางค์หน้าเป็นสระ ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็น “ม” เช่นกัน หลังจากนั้นให้สนธิแบบการสนธิสระ ดังนี้

  • สํ + อาคม = สมาคม

  • สํ + อาส = สมาส

  • สํ + โอสร = สโมสร

  • สํ + อุทัย = สมุทัย

  • สํ + อิทธิ = สมิทธิ