ผญาคำสอน : ให้รู้จักวางตน

แม้นเจ้ามีความรู้เต็มพุงเพียงปากครั้นสอนโตบ่ได้ ใผสิย่องว่าดี
[แม่นเจ้ามีควมฮู่เต็มพุงเพียงปากคันสอนโตบ่ได้ ไผสิย่องว่าดี]

ผญาที่ว่า แม้นเจ้ามีความรู้เต็มพุงเพียงปาก [แม่นเจ้ามีควมฮู่เต็มพุง เพียงปาก] แปลว่า ถึงแม้เจ้าจะมีความรู้มากล้นจนเต็มพุงอัดแน่นจนเสมอ ปาก

แม่น แปลว่า แม้

เพียง แปลว่า เสมอ

ผญาที่ว่า ครั้นสอนโตบ่ได้ ใผสิย่องว่าดี [คันสอนโตบ่ได้ ไผสิย่องว่าดี] แปลว่า ถ้าสอนตนเองไม่ได้ ใครเล่าจะยกย่องสรรเสริญว่าเป็นคนดี

โต แปลว่า ตัว

ไผ แปลว่า ใคร, ผู้ใด

สิ แปลว่า จะ

ย่อง [ย่อง] แปลว่า ยกย่อง, สรรเสริญ

ดังนั้น คำผญาที่ว่า แม้นเจ้ามีความรู้เต็มพุงเพียงปาก ครั้นสอนโตบ่ได้ ไผสิย่องว่าดี [แม่นเจ้ามีควมฮู้เต็มพุงเพียงปาก คันสอนโตบ่ได้ ไผสิย่องว่าดี] คนเฒ่าคนแก่ปู่ย่าตายาย มักจะหยิบยกนำมาสอนลูกสอนหลานอยู่เสมอ เพื่อเป็นการเตือนสติไม่ให้ลืมตัว เมื่อมีโอกาสได้เรียนได้รู้มาก ๆ ก็ควรจะวางตนให้เหมาะสม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น และนำความรู้ที่มีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเองและสังคม ไม่ประพฤติปฏิบัติตนในทางเสื่อมเสีย จะคิดจะพูด จะทำอะไร ก็ให้มีสติระลึกอยู่เสมอและใช้ปัญญาพินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน สังคมก็จะยกย่องว่าเป็นคนดีคนเก่งนั่นเอง

(นายเกษียร มะปะโม)