คำอาราธนาพระปริตร

วิปติติปฏิพาหาย
สพฺพสมุปติติสิทฺธิยา
สพฺพทุกฺขวินาสาย
ปริตฺตุ พฺรูถ มงฺคลฺ
วิปติติปฏิพาหาย
สพฺพสมุปติติสิทฺธิยา
สพฺพภยวินาสาย
ปริตฺตุ พฺรูถ มงฺคลฺ
วิปติติปฏิพาหาย
สพฺพสมุปติติสิทฺธิยา
สพฺพโรควินาสาย
ปริตฺตุ พฺรูถ มงฺคลฺ ฯ

คำแปล

ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย จงสวดปริตรอันเป็นมงคล เพื่อป้องกัน ความวิบัติ เพื่อยังสมบัติทั้งปวงให้สำเร็จ เพื่อให้ทุกข์ ภัย โรค ทั้งปวง พินาศไป

อธิบาย

การนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดพระพุทธมนต์ ที่ต้องใช้คำอาราธนาให้ สวดพระปริตรด้วยนั้น เนื่องมาแต่ครั้งพุทธกาล ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้พระปริตร มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันบำบัดทุกข์ภัยโรคาพยาธิให้พินาศไป ตาม ปกติพระปริตรก็ได้แสดงอานุภาพมาแล้ว ดังมีเรื่องกล่าวไว้ในคัมภีร์ธรรม บทว่า ได้เกิดอหิวาตกโรคขึ้นที่พระนครไพศาลีผู้คนล้มตายเป็นอันมาก ชาว พระนครจึงชวนกันมาเฝ้ากราบทูลถึงภัยที่เกิดขึ้นนั้น แต่สมเด็จพระผู้มีพระ- ภาค พระองค์จึงเสด็จไปสู่พระนครไพศาลี ประทับอยู่ที่ประตูเมืองในเวลา เย็น ตรัสเรียกพระอานนท์เข้ามาแล้วมีพระดำรัสว่า เธอจงเรียน "รัตน สูตร" นี้แล้วเที่ยวไปกับเจ้าลิจฉวีทั้งหลาย สวดพระปริตรภายในกำแพง ๓ ชั้นในเมืองไพศาลี พระอานนท์เถระเจ้าเรียนรัตนสูตรที่ทรงประทานนั้น แล้ว จึงเอาบาตรตักน้ำยืนอยู่ที่ประตูเมือง สวดปริตรภายในกำแพง ๓ ชั้น ตลอดยามสามแล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์ พวกอมนุษย์ถูกน้ำพระพุทธมนต์ เข้าก็พากันหนีไปสิ้น ภัยเหล่านั้นก็สงบระงับไป เรื่องนี้ ได้กล่าวแล้วใน รัตนสูตร

อีกเรื่องหนึ่งว่าบุตรของพราหมณ์คนหนึ่ง จะถูกอสุรยักษ์มาจับกิน เป็นภักษาหารในเวลาอีกวัน พราหมณ์บิดาจึงพาไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบ ทูลถามว่า จะมีอุบายป้องกันชีวิตบ้างหรือไม่ พระองค์ตรัสว่ามีแล้วตรัสต่อ ไปว่า ถ้าท่านสามารถจะทำมณฑปที่ริมประตูเรือนของท่าน และทำตั่งตั้งไว้ ท่ามกลางมณฑปนั้น แล้วปูอาสนะไว้ ๑๖ หรือ ๑๘ แห่ง ให้สาวกของเรา นั่งทำพระปริตรสิ้น ๗ วัน ดังนี้ไซร้ อันตรายของทารกนั้นก็จะพินาศไป ด้วยอุบายอย่างนี้

พราหมณ์กราบถวายบังคมลา รีบไปจัดทำตามรับสั่ง ครั้นสำเร็จแล้ว วันที่ ๑ พระพุทธองค์เสด็จมา พวกเทวาในจักรวาลทั้งหมด ก็มาประชุมกันอยู่ พร้อมเพรียงกัน ส่วนอสูรยักษ์ บำเรอท้าวเวสสวันอยู่ตลอด๑๒ ปีแล้ว ได้รับพรว่า ตั้งแต่วันนี้ไปถึงวันที่ ๗ เธอจงไปรับทารกนี้ เมื่อได้ทารกมา แล้ว ก็ไม่ต้องมาบำเรอเรา เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันที่ ๗ อสูรยักษ์จึงมา ยืนคอยอยู่ เมื่อพระพุทธองค์ประทับนั่งแล้ว พวกเทวดาที่มีศักดิ์ใหญ่ก็มา ประชุมกัน พวกที่มีศักดิ์น้อยก็พากันหลีกไปไกล ๑๒ โยชน์ แม้แต่อสูรยักษ์ ก็หลีกไปยืนอยู่เหมือนดังนั้น พระพุทธองค์ทรงทำพระปริตรอยู่ตลอดคืนยังรุ่ง ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว อสูรยักษ์ไม่ได้ทารกนั้น พอวันที่ ๗ สามีภรรยาจึง อุ้มทารกมาถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์จึงตรัสว่า "ขอให้ทารก น้อยมีอายุยืนนานเถิด" พราหมณ์จึงทูลถามว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทารก นี้จะมีอายุยืนนานสักเท่าไร ตรัสว่า จะมีอายุยืนอยู่ถึง ๑๒๐ ปี เพราะฉะนั้น สามีภรรยาจึงขนานนามบุตรของตนว่า "อายุวัฒนกุมาร" ดังนี้ ทั้งสองเรื่องนี้ น่าจะเป็นมูลเหตุของการอาราธนาพระปริตร